รู้จักสรรพคุณครีมช่วยผิวขาวใส ดูแลความงามอย่างไรให้ปลอดภัย
การมีผิวพรรณสวยกระจ่างใสเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาไม่ว่าจะวัยเรียนหรือวัยทำงาน ทั้งชายและหญิง เพราะทำให้แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าพบปะผู้อื่นมากขึ้น และสร้างโอกาสที่ดีในการทำงาน โดยเฉพาะสายงานที่ต้องใช้ความสวยหล่อ เช่น พรีเซนเตอร์สินค้า ดารา นักร้อง พิธีกร ฯลฯ
ครีมหน้าขาวบำรุงความงาม เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผิวขาวใส มักมีส่วนผสมของสารสำคัญอยู่หลายชนิด แบ่งได้ตามกลไก คือ
1. กระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังเก่าหลุดลอกออก
เป็นสารสกัดกลุ่มกรดผลไม้ เช่น AHA ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะกำหนดให้มีในปริมาณไม่เกิน 15% หรือ BHA และ salicylic จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิว โดยควรมีความเข้มข้นไม่เกิน 2% และกรดวิตามินเอ ที่นิยมใช้เพื่อลดรอยดำจากสิวอักเสบ แต่จะมีฤทธิ์ทำให้ผิวแห้งลอกเป็นขุยได้ จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง
2. ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
การผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป เป็นต้นเหตุของการเป็นฝ้า โดยมักมาจากการกระตุ้นด้วยรังสี UV ในแสงอาทิตย์ สารที่มีฤทธิ์ในกลุ่มนี้ คือ กรดโคจิก วิตามินซี อาร์บูติน สารสกัดจากชะเอมเทศ รวมถึงสารสกัดจากชาเขียวและมัลเบอรี่ ซึ่งมีความนิยมใส่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อความกระจ่างใสทั่วไปมากยิ่งขึ้น
3. ปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ
นิยมใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์กันแดด บีบี ครีมรองพื้น แป้งรองพื้น เช่น ไททาเนียมไดออกไซด์ ซิงค์ออกไซด์ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ควรจะต้องใช้ครีมกันแดดทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการปกป้องผิวให้ยาวนานได้ตลอดวัน
ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสนั้น ไม่ใช่จะเห็นผลในทันที ในการปรับเปลี่ยนสภาพผิวที่หมองคล้ำให้ดูกระจ่างใสขึ้นต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนจึงจะเห็นผลชัดเจน ไม่ควรเสี่ยงกับการใช้ครีมหน้าขาวที่มีการโฆษณาหรือบอกต่อ ๆ กันมาว่าให้ผลอย่างรวดเร็ว
เพราะอาจมีสารอันตรายอย่างไฮโดรควิโนนเป็นส่วนผสมอยู่ ซึ่งมีการศึกษาพบว่าจะทำให้เกิดการฟอกผิวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหา คือ เป็นฝ้า หน้าไหม้แบบถาวร ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้อีก ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีชุดตรวจไฮโดรควิโนน หากไม่แน่ใจว่าครีมที่ใช้มีสารอันตรายนี้อยู่หรือไม่ สามารถส่งตรวจได้ โดยมีการคิดค่าใช้จ่ายตามกำหนด โดยให้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำว่า ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมหน้าใส ควรดูเลขที่ใบรับแจ้งหรือหมายเลข อย. ว่าตรงกับที่มีการลงทะเบียนไว้ในเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ และควรทดสอบกับผิวของตนเอง โดยการทาที่ท้องแขน หากมีอาการเห่อแดงคันขึ้นมาหรือผิวลอกไหม้ ควรหยุดใช้ทันที และควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากต้องการผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผิว เพื่อใช้ในระยะยาวได้อย่างสบายใจ
