หมวดหมู่: เคล็ดลับผิวสวย

เคล็ดลับการดูแลใบหน้า ให้สวยใส ไร้สิว

เคล็ดลับการดูแลใบหน้า ให้สวยใส ไร้สิว

การมีผิวหน้าสวยใส ไร้สิว เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา แต่การจะดูแลผิวให้สวยใสนั้น จำเป็นต้องอาศัยความใส่ใจและการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เคล็ดลับการดูแลใบหน้าให้สวยใส ไร้สิว มีดังนี้

1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด

การล้างหน้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำความสะอาดผิวหน้า แนะนำให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยใช้โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว และควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจด เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และความมันส่วนเกินบนใบหน้า ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว

2. ทาครีมบำรุงผิว

หลังจากล้างหน้าสะอาดแล้ว แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน และช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ แนะนำให้เลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส เช่น วิตามินซี เรตินอล อาร์บูติน เป็นต้น

3. ทาครีมกันแดด

แสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย กระ และฝ้า แนะนำให้ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบี โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ ขึ้นไป

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ กระจ่างใส และสุขภาพดี แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยบำรุงผิวให้สวยใสจากภายในสู่ภายนอก แนะนำให้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ผัก และผลไม้ต่างๆ

6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใส สุขภาพดี

7. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว

ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ และการนอนดึก

นอกจากเคล็ดลับการดูแลผิวหน้าข้างต้นแล้ว ยังสามารถเสริมการดูแลผิวด้วยการทำทรีตเมนต์จากคลินิกความงาม ซึ่งจะช่วยผลักวิตามินเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิวของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อเลือกวิธีการดูแลผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

เคล็ดลับการดูแลผิวของสาวๆ

เคล็ดลับการดูแลผิวของสาวๆ

มีกิจวัตรการดูแลผิวสำหรับเด็กผู้หญิงที่แตกต่างกันมากมาย แต่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดบางขั้นตอนได้แก่

1.คลีนซิ่ง นี่เป็นขั้นตอนแรกในการขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเครื่องสำอางออกจากผิว ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

2.การปรับสี การปรับสีช่วยปรับสมดุล pH ของผิว และขจัดสิ่งสกปรกหรือน้ำมันที่หลงเหลืออยู่ ใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์และไม่ระคายเคือง

3.ให้ความชุ่มชื้น นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวและสภาพอากาศของคุณ

4.ขัดผิว การขัดผิวช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเผยผิวที่กระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น ขัดผิวสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคุณ

5.การป้องกัน SPF นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ครีมกันแดดแบบสเปกตรัมกว้างที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าทุกวัน แม้ว่าจะมีเมฆมากก็ตาม

เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการดูแลผิวของสาวๆ มีดังนี้

-อ่อนโยนต่อผิวของคุณ หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

-ดื่มน้ำปริมาณมาก น้ำช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี

-กินอาหารเพื่อสุขภาพ การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพสามารถช่วยให้สุขภาพผิวโดยรวมของคุณดีขึ้นได้

-นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้น

หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับผิวของคุณ โปรดปรึกษาแพทย์ผิวหนัง พวกเขาสามารถช่วยคุณพัฒนากิจวัตรการดูแลผิวที่เหมาะกับคุณได้

ต่อไปนี้เป็นกิจวัตรการดูแลผิวที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผิวประเภทต่างๆ

1.ผิวมัน ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากน้ำมันและไม่ทำให้เกิดสิว ซึ่งหมายความว่าจะไม่อุดตันรูขุมขน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหรือปิโตรเลียมเจลลี่ คุณอาจต้องการใช้โทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน ให้ความชุ่มชื้นด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาที่ปราศจากน้ำมัน

2.ผิวแห้ง ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีส่วนผสมของสบู่และไม่ระคายเคือง มองหามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีกรดไฮยาลูโรนิกหรือกลีเซอรีนซึ่งเป็นสารฮิวเมกแทนท์ที่ช่วยดึงดูดน้ำเข้าสู่ผิว คุณอาจต้องการใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าเพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น

3.ผิวผสม ผิวประเภทนี้มีความมันในบางพื้นที่ เช่น บริเวณทีโซน และผิวแห้งในบริเวณอื่นๆ ใช้น้ำยาทำความสะอาดและมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวผสม คุณอาจต้องการใช้โทนเนอร์เพื่อช่วยปรับสมดุล pH ของผิว

4.ผิวแพ้ง่าย ผิวประเภทนี้ระคายเคืองได้ง่ายจากผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง ใช้น้ำยาทำความสะอาดและมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยนที่ปราศจากน้ำหอมและไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือน้ำมันหอมระเหย

ไม่ว่าสภาพผิวของคุณจะเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องหากิจวัตรการดูแลผิวที่เหมาะกับคุณและเพื่อให้สอดคล้องกับกิจวัตรของคุณ เพียงใส่ใจเพียงเล็กน้อย คุณก็จะมีผิวสวยสุขภาพดีได้ยาวนานหลายปี

ปัญหาสิวและผิวมันฤดูร้อน ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ

ปัญหาสิวและผิวมันฤดูร้อน ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ

ผิวแห้ง ผิวมัน เป็นสิว ฝ้า กระ จะมีอะไรแย่ไปกว่าฤดูร้อน? เหงื่อออกหน้ามันเหนียวเหนอะหนะ ลบเลือนเครื่องสำอางและครีมกันแดดออกไปหมด เรารวมเคล็ดลับการดูแลผิวเพื่อจัดการความมัน สิว และรูขุมขน พร้อมกับการรักษาผิวให้สมดุล สดชื่นและเปล่งประกายมาฝากสาว ๆ กัน

1.ใช้กระดาษซับมัน

ความร้อนและความชื้นทำให้ผิวมันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว สิวผด และรูขุมขนกว้าง พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าและใช้กระดาษซับมันค่อยๆ แตะบนผิวหน้าแทน การล้างหน้าบ่อยเกินไปทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แนะนำให้เลือกใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนล้างหน้าวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอน เพื่อขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิว โดยเฉพาะจุดที่มันเยิ้มที่สุดคือบริเวณทีโซน ถ้าล้างหน้าบ่อยเกินจำเป็น ผิวจะสร้างน้ำมันมากขึ้นเพื่อคืนความชุ่มชื้น แทนที่จะควบคุมความมันกลับทำให้หน้ามันมากขึ้น

2.กินอาหารที่สมดุล 

อาหารที่สมดุลมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพผิว เลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลน้อย เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน  ถั่ว ผักและผลไม้ ช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้สมดุล ส่งผลให้สุขภาพผิวดีและผิวมันน้อยลง สิ่งสำคัญคือต้องดื่มน้ำมาก ๆ การขาดน้ำมักจะเป็นสาเหตุให้ผลิตน้ำมันมากเกินไป และทาครีมให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ

3.แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ

ความมันส่วนเกินทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย ดูหมองคล้ำ และอ่อนล้าไม่สดใส จัด รูขุมขนกว้างเป็นปัญหาจริงๆ แนะนำให้ใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดและกระชับรูขุมขนให้เล็กลง พร้อมขจัดความมันส่วนเกินออกจากใบหน้า ผิวกระชับตึงยิ่งขึ้น โทนเนอร์เป็นตัวช่วยที่ดีเหมาะสำหรับผิวสาวในวันที่มีแดดจัด 

4.สิวหัวดำและสิวหัวขาว

หน้ามันเกิดจากต่อมไขมันบนใบหน้าผลิตน้ำมันมากเกินไป กลายเป็นสิวอุดตันหัวดำ หรือสิวเสี้ยน หากเราดูแลตนเองอย่างถูกวิธีช่วยป้องกันโอกาสที่จะเกิดสิวหัวดำขึ้นซ้ำ ๆ โดยเฉพาะบริเวณแก้มและจมูก โดยเซลล์ผิวที่ตายแล้วมักจะไปอุดตันรูขุมขนทำให้เกิดสิวหัวขาวและสิวหัวดำอีกด้วย แนะนำให้สาวๆ ขัดผิวเป็นประจำสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ผสานกับขั้นตอนการดูแลผิวอย่างอ่อนโยนป้องกันการเกิดสิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและลดผิวมันด้วย

5.ทามอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา

สำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย เมื่อเข้าสู่หน้าร้อนควรเปลี่ยนไปใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวที่เหมาะสม แต่อย่าใช้มากเกินไปหลีกเลี่ยงไม่ให้ใบหน้ามันเยิ้มในช่วงกลางวันและช่วยป้องกันการเกิดสิวได้

6.ทาครีมกันแดด

ช่วงเวลาที่มีแสงแดดจ้า แนะนำให้สวมแว่นกันแดดและหมวกปีกกว้าง ทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตราย ให้ครีมกันแดดถือเป็นส่วนสำคัญของขั้นตอนการดูแลผิว หากต้องออกแดดทั้งวันควรทาครีมกันแดดซ้ำอย่างน้อยทุก ๆ 2 ชั่วโมง

ในฤดูร้อนผิวสาวต้องเผชิญกับแสงแดด มลภาวะ และระดับรังสียูวีที่สูงขึ้น เป็นสาเหตุให้ผิวเหนื่อยล้า ผิวหมองคล้ำ และเกิดสิวซ้ำซาก ขั้นตอนการดูแลผิวอย่างเหมาะสมไม่ยากอย่างที่คิด ปัจจุบันมีตัวช่วยดี ๆ เยอะ เราแนะนำให้เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยจึงจะดีที่สุด

แนะทริคน่ารู้สำหรับแก้ใต้ตาคล้ำ ให้ดวงตาสดใสกว่าที่เคย

แนะทริคน่ารู้สำหรับแก้ใต้ตาคล้ำ ให้ดวงตาสดใสกว่าที่เคย

เคยไหมที่นอนดึกและพักผ่อนน้อย ขาดการดูแลผิวเป็นประจำจนใต้ดวงตาคล้ำ ดูไม่สดใส แก้มาหลากหลายวิธีก็ไม่หายสักที วันนี้จะมาแนะนำทริคในการแก้ใต้ตาคล้ำที่สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้จริง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีใต้ตากระจ่างใส และดูมีสุขภาพดี จะมีทริคอะไรที่น่าสนใจบ้างตามไปดูกันได้เลย

  • เริ่มต้นกันที่การบำรุงผิวบริเวณใต้ดวงตาดด้วยมาร์คที่เหมาะสำหรับผิวใต้ดวงตา ซึ่งจะเน้นในเรื่องของความชุ่มชื้นและความกระจ่างใส หรือจะเลือกเป็นผักและสมุนไพรบางชนิดที่มีคุณสมบัติที่ตรงตามต้องการ อย่างแตงกวา มะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ เป็นต้น โดยสามารถนำไปล้างแล้วฝานบาง ๆ มาวางบริเวณรอบดวงตา โดยวางทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ทำเป็นประจำทุกวันหรือสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวบริเวณรอบดวงตาก็จะดูชุ่มชื้นมากขึ้น
  • มาต่อกันด้วยการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าหากว่าต้องการลดความหมองคล้ำก็สามารถเลือกเป็นอายครีมที่มีส่วนผสมของไวเทนนิ่งที่ช่วยในเรื่องความขาวกระจ่างใส เมื่อมีการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสมผิวบริเวณรอบดวงตาก็จะดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
  • อีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีบริเวณใต้ตาคล้ำจากการที่หลอดเลือดบริเวณนั้นมีการขยายตัว แก้ได้เบื้องต้นง่าย ๆ คือการวางแผ่นเจลเย็นสำหรับรอบดวงตาเพื่อช่วยลดการขยายตัวของหลอดเลือด ให้ความรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลายบริเวณรอบดวงตา
  • อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยที่ในวันหนึ่ง ๆ นั้นควรนอนอย่างน้อยประมาณ 7-8 ชั่วโมง เพราะถ้าหากว่านอนไม่เพียงพอก็จะเกิดอาการใต้ตาหมองคล้ำได้ ดังจะสังเกตได้เวลาที่มีการพักผ่อนไม่เพียงพอดวงตาจะดูล้าและไม่สดใส หลายคนที่นอนดึกจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้มีการนอนเร็วขึ้น 
  • สำหรับใครที่มีอาการบวมร่วมกับมีความหมองคล้ำบริเวณรอบดวงตา อีกแนวทางหนึ่งที่ดีก็คือการใช้ถุงชามาประคบที่บริเวณใต้ดวงตานั่นเอง ข้อดีก็คือจะช่วยลดความหมองคล้ำและลดอาการบวมที่เป็นอยู่ให้ลดน้อยลง 

สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ คนไหนที่อยากมีดวงตาที่ดูสดใสอยู่เสมอสามารถเลือกแก้ปัญหาใต้ดวงตาคล้ำได้ด้วยตัวเอง ดังจะเห็นจากหลายวิธีข้างต้นที่นำมาบอกต่อนั้นล้วนแล้วแต่ไม่ต้องใช้งบประมาณสูง เพียงใช้ของง่าย ๆ รอบตัวที่อยู่ในชีวิตประจำวันมาช่วยในการแก้ปัญหาใต้ดวงตาคล้ำเสีย ช่วยเน้นการดูแลผิวบริเวณใต้ดวงตาอย่างอ่อนโยนเพื่อผลลัพธ์ที่ดี   

สูตร ความงาม ด้วยวิธีธรรมชาติ ฉบับสาวพันปี

สูตร ความงาม ด้วยวิธีธรรมชาติ ฉบับสาวพันปี

ความงาม จะเกิดขึ้นได้บางคนแทบไม่ต้องบำรุงอะไรเลย เพราะเกิดมามีต้นทุนผิวที่ดีจนแทบไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมบำรุง แต่ใช่ว่าความงามเหล่านั้นจะอยู่กับคุณไปตลอดกาล ยังมีเคล็ดลับหน้าใสดูอ่อนเยาว์อีกมากมาย วันนี้เราจึงนำ 6 วิธีการดูแลผิวง่าย ๆ มาฝาก เป็นรูปแบบธรรมชาติ ไม่ต้องลงทุนเยอะ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมเท่านั้น ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง

1.ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร หรือวันละ 8-12 แก้วต่อวัน จะทำมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่น อิ่มน้ำ พร้อมกับมีออร่าความกระจ่างใสและหากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะทำให้สุขภาพผิวดีขึ้น ขาวใสกว่าที่เคยเป็นอีกด้วย ต้องบอกเลยว่านี่ไม่ใช่คำพูดสวยหรู แต่หากทำได้จริง คุณจะมีผิวที่แลดูอ่อนเยาว์สวยราวกับสาวพันปีเลยล่ะ

2.พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อผิวที่สดใส การนอนถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรละเลย เพราะในระหว่างที่คุณกำลังนอนนั้นผิวและร่างกายภายในกำลังซ่อมแซมตัวเอง ฉะนั้นไม่ควรนอนดึก นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำดีที่สุด

3.เพื่อสุขภาพผิวที่ดีควรเน้นกินผัก ผลไม้ เพราะมีประโยชน์และสารอาหารมากมาย หากทานได้ประจำส่งผลทำให้คุณมีผิวที่ดีขึ้น อย่างผลไม้เต็มไปด้วยวิตามินที่ดีต่อผิว ทั้งวิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 

4.สกินแคร์ตัวช่วยที่ดี สิ่งนี้คนรักผิวแทบทุกคนมีประจำหน้ากระจก เพราะในผลิตภัณฑ์บำรุงมีสารสกัดที่ดีต่อผิวมากมาย ยิ่งเป็นเซรั่มที่มีความเข้มข้นสูงจะทำให้ผิวของคุณฟื้นตัวไวและหากเริ่มมีริ้วรอยการใช้สกินแคร์จะช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดีเดียว 

5.หน้าต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี แม้ว่าคุณจะบำรุงหน้ามาดีแค่ไหนหรือจะทานสารอาหารอย่างครบถ้วนมาแล้วก็ตาม เรื่องความสะอาดบนใบหน้าก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะใบหน้าต้องสู้กับฝุ่น ควัน มลพิษมากมาย ฉะนั้นเพื่อเป็นการชะล้างผิวให้พร้อมต่อการบำรุง การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีมีความจำเป็นอย่างมาก 

6.ทุกครั้งก่อนแต่งหน้าอย่าลืมทาครีมกันแดด หากคุณยังอยู่ในเมืองไทยก็คงหนีไม่พ้นเรื่องแสงแดดที่ร้อนจัด แม้จะเป็นฤดูหนาวแสงแดดก็ยังตามมารังควานคุณไม่เลิก ฉะนั้นเพื่อให้ผิวของคุณยังสวย สว่างกระจ่างใสควรทาครีมกันแดดเสมอ 

เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการดูแลผิวและความงามของสาวพันปี แต่ละข้อนำไปทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ หากอยากสวยแบบที่กาลเวลาไม่สามารถทำร้ายคุณได้ จะต้องลองทำทุกข้ออย่างเป็นประจำจะทำให้คุณสวยสมหวังแน่นอน

เปิดเคล็ดลับผิวสวย อ่อนเยาว์แบบง่าย ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

เปิดเคล็ดลับผิวสวย อ่อนเยาว์แบบง่าย ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

ผิวสวยกระจ่างใส ดูมีสุขภาพดี อ่อนเยาว์กว่าวัย มีความชุ่มชื้น เนียนนุ่มเป็นผิวสวยในฝันของสาว ๆ หลายคน ผิวหน้าที่ดีย่อมส่งเสริมให้สาว ๆ มีความมั่นใจในการพบปะกับผู้คนมากยิ่งขึ้น สื่อให้เห็นถึงความสวยจากสุขภาพผิวภายในอันเนื่องมาจากการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ และสำหรับวันนี้ได้นำเคล็ดลับสวยอ่อนเยาว์ที่บอกเลยว่าดีต่อใจสาว ๆ อย่างแน่นอน 

  1. เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และช่วยบำรุงผิวพรรณ อย่างผลไม้หลากหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่นผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดอย่างมะเขือเทศซึ่งมีส่วนช่วยให้ผิวมีความเปล่งปลั่ง ชะลอการเกิดริ้วรอย เติมเต็มความชุ่มชื้นของผิวให้มากขึ้น  ดูแลผิวพรรณให้ดูมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ นอกเหนือจากการรับประทานแล้วผลไม้และผักบางชนิดก็สามารถที่จะใช้กับผิวหน้าได้โดยตรง โดยนำมาทำเป็นมาร์คบำรุงผิวหน้า
  1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะสำหรับสภาพผิวของตนเอง อย่างถ้าทราบว่าตนเองมีผิวหน้ามัน มีความมันบริเวณทีโซน (หน้าผากและคาง) ก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันที่อาจเป็นการเพิ่มความมันของใบหน้าให้มากขึ้นได้หรือเลือกเป็นสูตรครีมสำหรับผิวหน้ามันโดยเฉพาะและถ้าหากสาว ๆ คนไหนที่มีผิวแพ้ง่ายควรที่จะหลีกเลี่ยงส่วนผสมต่าง ๆ ที่สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ของผิวหนังได้ ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ พาราเบน ซิลิโคน เป็นต้น โดยสังเกตจากฉลากข้างผลิตภัณฑ์ก่อนเลือกซื้อเสมอ ๆ
  1. ทาครีมกันแดดปกป้องผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยครีมกันแดดที่สาว ๆ ควรเลือกใช้ควรที่จะ มี SPF สูง เพราะการที่ครีมกันแดดมีค่า SPF สูงก็ยิ่งแสดงถึงความสามารถในการป้องกันรังสียูวีที่มากขึ้น ประโยชน์ของการทาครีมกันแดดคือช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดตัวการร้ายที่ส่งผลให้ผิวของเรามีความหมองคล้ำ ดูไม่กระจ่างใส ทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่สาว ๆ ทุกคนไม่ควรมองข้าม
  1. นอนหลับพักผ่อนและดื่มน้ำเปล่าอย่างเหมาะสม การที่มีการพักผ่อนไม่เพียงพอสามารถส่งผลให้ผิวหน้าของสาว ๆ ดูเหนื่อยล้าและมีความโทรม ซึ่งถ้านอนหลับพักผ่อนและดื่มน้ำอย่างเพียงพอก็จะส่งผลให้ผิวดูสดใสมากยิ่งขึ้น

พูดเลยว่าแต่ละเคล็ดลับที่นำมาแชร์ต่อนั้น มีความปังเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการมีผิวสุขภาพดีและอ่อนกว่าวัย ถ้ามีการทำตามเคล็ดลับข้างต้นอย่างเป็นประจำก็จะช่วยให้สาว ๆ มีผิวในแบบที่ต้องการได้อย่างไม่ยาก สามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน ใช้งบประมาณน้อย มีความคุ้มค่าทั้งราคาและผลลัพธ์

3 วิธีดูแลความงามเพื่อป้องกันความผิดปกติบนผิวพรรณ

3 วิธีดูแลความงามเพื่อป้องกันความผิดปกติบนผิวพรรณ

รู้หรือไม่ว่าสิ่งแวดล้อมก็มีผลต่อผิวพรรณได้และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวพรรณสดชื่น อ่อนเยาว์กว่าวัย ไร้จุดด่างดำและฝ้าหรือกระ ไม่ว่าคุณจะมีผิวสีอะไรก็ตาม หากสิ่งแวดล้อมไม่ดีก็อาจจะเกิดความผิดปกติบางอย่างบนผิวพรรณ ซึ่งอาจเป็นอันตรายและพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งผิวหนังหรือเนื้องอกในอนาคตได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีวิธีดูแลความงามผิวพรรณ ดังต่อไปนี้

วิธีที่ 1 เสื้อผ้าที่ปกป้องผิวหนัง

ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ผิวไม่ดีที่หลายคนพอทราบแล้วคือ แสงแดด ทำให้หลายคนได้กลัวแสงแดดมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะผู้หญิง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะมีบางคนไม่กลัว สังเกตได้จากการที่ไปวิ่งมาราธอนหรือชื่นชอบการไปเล่นกีฬากลางแจ้ง เพราะฉะนั้น การสวมเสื้อผ้าที่ปกป้องผิวหนัง เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวในการออกแดดร้อน ๆ ก็จะช่วยป้องกันการพัฒนาเป็นเซลล์ที่ผิดปกติได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันเป็นโรคมะเร็งค่อนข้างมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้การสวมเสื้อที่ปกป้องผิวหนัง ยังช่วยป้องกันสารเคมีหรือฝุ่นควันขณะอยู่ในที่กลางแจ้งอันเต็มไปด้วยควันและเขม่าจากท่อไอเสียรถยนต์

วิธีที่ 2 ทาครีมกันแดด

ปัจจุบันครีมกันแดดไม่ว่าจะเป็นยี่ห้ออะไรก็ตาม มีหลักการในการเลือกดูอย่างง่าย ๆ กล่าวคือ ดูค่าเอสพีเอฟ (SPF) ซึ่งเป็นค่าที่บอกว่าครีมกันแดดตัวนี้ปกป้องรังสียูวีบี หมายความว่า ถ้าค่าเอสพีเอฟ 15 ป้องกันรังสียูวีบีได้ประมาณ 93.3 เปอร์เซ็นต์ ถ้าค่าเอสพีเอฟ 30 ป้องกันรังสียูวีบีได้ประมาณ 96.7 เปอร์เซ็นต์ ค่าเอสพีเอฟ 50 ป้องกันรังสียูวีบีได้ถึง 98 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีหลักการดูอีกหนึ่งตัว คือ ค่า PA ซึ่งเป็นค่าที่บ่งบอกว่าครีมกันแดดป้องกันรังสียูวีเอได้มากน้อยเพียงใด สังเกตได้ว่าถ้าครีมกันแดดมีค่า PA บวกหลายตัว ก็สามารถป้องกันรังสียูวีเอได้มากกว่า

วิธีที่ 3 การดื่มน้ำ

การดื่มน้ำเป็นปัจจัยสำคัญของร่างกายซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพเซลล์ผิว เนื่องจากผิวหนังมีหลายชั้นที่ต้องการความชุ่มชื้น ไม่ว่าจะเป็น หนังกำพร้า หนังแท้ เปรียบเสมือนต้นไม้ที่ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ยและแร่ธาตุ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ วิจัยไว้ว่าในเพศชายควรดื่มน้ำวันละประมาณ 3.7 ลิตร หรือเท่ากับประมาณ 15.5 แก้วต่อวัน ส่วนเพศหญิงควรจะดื่มน้ำวันละประมาณ 2.7 ลิตร หรือเท่ากับ 11.5 แก้วต่อวัน เหตุผลที่ผู้ชายต้องการปริมาณน้ำต่อวันมากกว่าผู้หญิงเพราะมีกล้ามเนื้อและมีการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวันมากกว่าผู้หญิง

นอกจากนี้ ยังมีสูตรคำนวณหาปริมาณน้ำที่เหมาะสมในการดื่มน้ำแต่ละวัน คือ นำค่าน้ำหนักของตนเองในหน่วยกิโลกรัม คูณด้วย 2.2 แล้วคูณด้วย 30 จากนั้นนำทั้งหมดหาร 2 แล้วมาหารด้วย 1,000 อีกครั้ง ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ออกมา โดยหน่วยเป็นจำนวนลิตร แล้วให้ดื่มน้ำในแต่ละวันตามจำนวนที่คำนวณได้

3 วิธีดูแลความงามเพื่อป้องกันความผิดปกติบนผิวพรรณที่กล่าวมานี้ เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติให้เป็นนิสัยเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเอง และยังทำให้ผิวพรรณแลดูสะอาด เปล่งปลั่ง สวยงามน่ามอง ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพได้เป็นอย่างดี ดังนั้น หากใครยังไม่เคยดูแลสุขภาพความงามของผิว ก็สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ ยังไม่สาย

วิตามินช่วยให้ผิวขาวใสมีอะไรบ้าง

การดูแลผิวให้ขาวใสแลดูสุขภาพดี เป็นสิ่งสำคัญต่อบุคลิกภาพทั้งผู้หญิงกับผู้ชาย และในปัจจุบัน ผู้ที่มีผิวสวยใสยังเป็นแต้มต่อ มีผลดีต่อความมั่นใจในการประกอบอาชีพ เพิ่มโอกาสในการได้งานหน้ากล้องที่มีรายได้สูง เช่น ดารา นักร้อง นักแสดง ยูทูปเบอร์ พรีเซนเตอร์โฆษณา ฯลฯ อีกด้วย

วิตามินอะไรบ้างที่ควรรับประทาน เพื่อบำรุงผิว

1. วิตามินซี

โดยปกติแล้ว เราได้รับวิตามินซีจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว กีวี สตรอว์เบอร์รี่ รวมถึงฝรั่ง แต่ถ้าไม่สะดวกรับประทานเป็นผลไม้สด ก็สามารถเลือกวิตามินซีแบบเม็ด ที่มีความเข้มข้นวันละ 500 ถึง 1000 มิลลิกรัม รับประทานเป็นประจำทุกวัน จะมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่ขาวใส ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างคอลลาเจนลดริ้วรอยในระยะยาวได้อีกด้วย

2. สังกะสี

แร่ธาตุสังกะสีจำเป็นสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยด่างดำจากสิวอักเสบ เนื่องจากมีการวิจัยว่าสามารถสมานแผล ลดการติดเชื้ออักเสบรุนแรงของสิวหัวช้างได้ เพียงรับประทานวันละ 15 มิลลิกรัม เป็นประจำ หรืออาจจะรับจากอาหารทะเล เช่น หอยนางรม ก็ได้เช่นกัน

3. กลูต้าไธโอน (glutathione)

เป็นวิตามินที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ต้านอนุมูลอิสระได้ ช่วยลดความหมองคล้ำของผิวพรรณ ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้ผิวขาวใส ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรรับประทานคู่กับวิตามินซี หากต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น วันหนึ่งควรรับประทานกลูต้าไธโอนไม่ต่ำกว่า 250 มิลลิกรัม

4. คอลลาเจน (Collagen)

ปัจจุบันการจำหน่ายคอลลาเจนทั้งแบบอัดเม็ดและเป็นผงชงละลายน้ำ คอลลาเจนเป็นกรดอะมิโนหรือโปรตีนที่สกัดออกมาจากสัตว์ทะเล สามารถถูกดูดซึมเข้าไปบำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์ มีความยืดหยุ่นดีและยังช่วยเสริมโครงสร้างของผิวให้แข็งแรง หากรับประทานคู่กับวิตามินซีด้วย จะเห็นผลลัพธ์ทางด้านของผิวพรรณที่สดใสและเต่งตึงไปพร้อมกัน ทุกวันควรรับประทานคอลลาเจนที่ 5,000 มิลลิกรัม

5. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (grape Seed)

เป็นสารสกัดที่ช่วยให้ผิวขาวใส เห็นผลลัพธ์ที่ดีในคนที่เป็นฝ้า เนื่องจากช่วยลดการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไปบนผิวหนัง รับประทานวันละ 150 มิลลิกรัม จะเห็นผลลัพธ์ใบหน้าขาวใสที่ชัดเจน

วิตามินบำรุงผิวมีหลากหลายแบรนด์ ควรเลือกบริษัทที่ไว้ใจได้ว่ามีมาตรฐานการผลิตสูง ปลอดจากสารเจือปนตกค้าง เช่น สารปรอท การรับประทานอย่างสม่ำเสมอควบคู่กับการออกกำลังกาย จะทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้ดี ช่วยให้ผิวดูใสและสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกได้

วิตามินอะไรบ้างที่ควรรับประทาน เพื่อบำรุงผิว

เคล็ดลับสร้างความงามให้กับผิว แบบไม่ต้องง้อเข็ม

การดูแลความสวยความงามเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในเรื่องผิวพรรณเนื่องจากเป็นด่านหน้าที่สะท้อนถึงจิตใจและร่างกายเจ้าของผิว หากเป็นในสมัยโบราณ ผิวพรรณในส่วนใบหน้าสามารถตรวจสุขภาพและโรคต่าง ๆ กับหมอจีนหรือซินแสจีน เช่น ผิวหมองคล้ำ ก็จะเกิดปัญหาในเรื่องระบบขับถ่าย การไหลเวียนของเลือด ต่อมหมวกไต ทำให้ความสวยความงามกับสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อกันและกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาบอกเคล็ดลับสร้างความงามให้กับผิวแบบไม่ต้องง้อเข็มให้กับคุณ ดังต่อไปนี้

ผิวสวยได้ด้วยวิธีเหล่านี้

เคล็ดลับที่ 1 ออกกำลังกาย

ผิวพรรณใบหน้าจะประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยเป็นจำนวนมากหรือล้าน ๆ เส้นเลยทีเดียว หากไขมันสูงขึ้น ก็จะทำให้น้ำตาลในร่างกายสูงขึ้นไปด้วย หลอดเลือดฝอยดังกล่าวก็จะตีบลง ส่งผลเสียต่อผิวหรือเหี่ยวย่น เนื่องจากไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง เพราะฉะนั้น ควรลดไขมันด้วยการออกกำลังกาย โดยเฉพาะตอนเช้าซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้พลังงานมาก

เคล็ดลับที่ 2 บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์

การบำรุงผิวผลิตภัณฑ์เป็นตัวช่วยเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี มอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรืออื่น ๆ ก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ เพราะผิวพรรณใบหน้าเต็มไปด้วยโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า คอลลาเจน นอกจากนี้อาจจะเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสาร UV ช่วยป้องกันผิวเสียหรือหมองคล้ำ และยังป้องกันเป็นโรคมะเร็งผิวหนังจากแสงแดดอีกด้วย

เคล็ดลับที่ 3 ทำความสะอาดผิวหน้า

คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผิวใบหน้าเป็นหลัก เนื่องจากผิวหน้าทำให้ผู้คนที่พบปะจะเห็นว่าเราสะอาด ดูแลตัวเองดี หรือมีความรับผิดชอบ ทำให้ผู้หญิงชื่นชอบการแต่งหน้าไปทำงานหรือเที่ยว เพื่อความดูดีมากขึ้น แต่หลังจากกลับบ้าน ควรทำความสะอาดใบหน้าทันที เพื่อชะล้างสิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีจากเครื่องสำอาง ฝุ่นควันบนท้องถนน ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งสกปรกอุดตันที่นำไปสู่การเป็นสิวได้

เคล็ดลับที่ 4 นอนหลับให้ลึก

การนอนหลับลึกเป็นการนอนหลับที่ส่งผลดีต่อร่างกาย จึงควรเข้านอนเวลา 4 ทุ่ม เนื่องจากกว่าจะหลับลึกได้ก็จะเป็นช่วง 5 ทุ่มหรือประมาณเที่ยงคืนเพราะจะทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมร่างกายและซ่อมแซมความแก่หรือผิวเหี่ยวย่น จนทำให้ผู้คนต่างประเทศนำไปฉีดโกรทฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกาย ยอมเสียเงินในราคาแพงเพื่อจะได้มีสุขภาพผิวที่ดี มีความหนุ่มหรือความสาวกว่าเดิม ในความเป็นจริงอาจไม่จำเป็นต้องฉีดก็ได้เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่สามารถหลั่งได้เองหากนอนหลับลึก ช่วงเที่ยงคืนถึงตี 1.30 นาที

ปัจจุบันมีคลินิกความสวยความงามมากมายเทียบเท่าร้านสะดวกซื้อ หากคุณต้องการใช้เข็ม ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ ควรเลือกสถาบันความงามที่ผ่านการรับรองหรือการควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังแต่ถ้าไม่อยากเสียค่าใช้จ่าย ก็ขอแนะนำ 4 เคล็ดลับสร้างความงามให้กับผิวแบบไม่ต้องง้อเข็มที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น

ผิวสวยได้ด้วยวิธีเหล่านี้

แนะนำ 5 สมุนไพรไทยเสริมความงามที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด

แนะนำ 5 สมุนไพรไทยเสริมความงามที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงกับความงามนั้นเป็นของคู่กัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของสาว ๆ ทุกคนจะเต็มไปด้วยเครื่องประทินผิวร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เซรั่ม มาสก์ น้ำตบ โฟมล้างหน้า ครีมทาผิวเดย์ครีมและไนท์ครีม ครีมกันแดด ครีมแต้มสิว และวิตามินบำรุงอีกมากมาย อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งทางเลือกที่สาว ๆ หลายคนเลือกใช้คือ สมุนไพรไทย เพราะนอกจากจะปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่ทิ้งสารเคมีตกค้างบนร่างกายแล้ว สมุนไพรไทยหลาย ๆ ชนิดยังมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์การันตียืนยันว่าสามารถช่วยบำรุงผิวหน้าและผิวกายได้จริง แต่จะมีสมุนไพรไทยชนิดไหนบ้างนั้น วันนี้เรามีคำตอบดี ๆ มาฝาก

สมุนไพรช่วยบำรุงผิวหน้าและผิวกาย

ว่านหางจระเข้ – สำหรับสมุนไพรไทยตัวแรกที่สาว ๆ ควรมีไว้ติดบ้านคือ ว่านหางจระเข้ สมุนไพรมากประโยชน์ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องการบวมแดง ลดการอักเสบ รอยไหม้ สมานแผล รักษาสิว และการระคายเคืองแล้ว ยังกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำ สร้างเซลล์ผิวใหม่ และคอลลาเจน เมื่อนำมาใช้พอกตัวหรือขัดตัว ทำให้ดูผิวหน้าผิวกายชุ่มชื้นดูเนียนนุ่มขึ้น

ขมิ้นชัน – ถ้าพูดถึงสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนัง ลดสิว และลดผดผื่นคัน เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงขมิ้นชันแน่นอน เพราะสมุนไพรชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้หลายชนิด นอกจากนั้นหากนำผงขมิ้นมาขัดตัว จะช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างสดใสขึ้นด้วย

แตงกวา – มาต่อกันด้วยสมุนไพรไทยที่ทุกบ้านต้องมีเก็บไว้ในตู้เย็น เนื่องคนไทยส่วนใหญ่มักนำมาแตงกวามาใช้เป็นผักทานคู่กับน้ำพริกหรือแกมกับอาหารประเภทผัด ส่วนประโยชน์ทางด้านบำรุงผิวพรรณนั้นก็มีไม่น้อยเช่นกัน เพราะถ้านำแตงกวาแช่เย็นมาแปะบนใบหน้าหรือดวงตา จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเติมน้ำให้กับผิว ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น รวมทั้งยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าอีกด้วยสมุนไพรช่วยบำรุงผิวหน้าและผิวกาย

ใบบัวบก – อีกหนึ่งสมุนไพรที่หลายคนยกให้เป็นสมุนไพรในดวงใจของสาว ๆ หลายคน เพราะนำมาใช้ได้หลายอย่าง เช่น ทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร หรือจะปั่นละเอียดมาใช้พอกหน้าก็จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย จุดด่างดำ ช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น

มะขามเปียก – ปิดท้ายกันด้วยสมุนไพรประจำบ้านที่อยู่คนไทยมานานอย่างมะขามเปียก เพราะการนำมะขามเปียกมาใช้ขัดตัวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่า ลดริ้วรอย และกระตุ้นร่างกายให้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ดูขาวกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 5 สมุนไพรไทยเสริมความงามที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรมากสรรพคุณที่สาว ๆ ทุกคนควรมีติดบ้านไว้ใช้บำรุงผิว ซึ่งปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องปลูกเองให้เสียเวลา เพราะหาซื้อง่ายได้ตามท้องตลาดและซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีทั้งแบบสด แบบแห้ง และแบบผง ให้เลือกตามความชอบ