หมวดหมู่: เคล็ดลับหน้าใส

เริ่มต้นดูแลผิวหน้าให้อ่อนวัยใช้งบไม่เยอะต้องซื้ออะไรบ้าง

เริ่มต้นดูแลผิวหน้าให้อ่อนวัยใช้งบไม่เยอะต้องซื้ออะไรบ้าง

ใครที่อยู่ในช่วงวัย 25 ขึ้นไป และกำลังพบกับปัญหาผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ริ้วรอย ผิวแห้งกร้าน เพราะไม่เคยดูแลผิวและอยากหันมาเริ่มต้นดูแลผิวหน้าให้อ่อนวัยแบบง่าย ๆ ในงบประมาณที่จำกัด ขั้นตอนในการดูแลผิว ซึ่งไอเทมต่อไปนี้ช่วยคุณได้!

1.เลิกล้างหน้าด้วยสบู่ ใครที่กำลังล้างหน้าด้วยสบู่ควรหยุดแล้วเปลี่ยนมาใช้โฟม หรือเจลล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง เพราะสบู่อาบน้ำมีความเป็นกรด – ด่างสูง จึงทำให้ผิวหน้าแห้งตึง เป็นขุย และก่อให้เกิดริ้วรอยก่อวัยได้ สำหรับผู้ที่อยากเริ่มดูแลผิวควรเริ่มจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีค่า pH (ความเป็นกรด – ด่าง) ที่เหมาะสมอย่าง Cetaphil Gentle Skin Cleanser For All Skin Types เหมาะกับทุกสภาพผิว มีความอ่อนโยนและช่วยเติมความชุ่มชื่นพร้อมปรับสมดุลให้ผิว ควรใช้ทำความสะอาดผิวหน้าเช้า – เย็น แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดซ้ำอีกครั้ง จากนั้นจึงซับผิวด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ จะช่วยฟื้นความชุ่มชื้นและลดอาการผิวแห้งตึง เป็นขุยได้ ปริมาณ 125 มล. ราคา 166 – 255 บาท (ใช้ได้นาน 2 – 3 เดือน)

2.ปรับสภาพผิวก่อนบำรุง เพื่อให้ผิวที่ขาดการบำรุงได้รับสารอาหารเต็มประสิทธิภาพควรใช้ Essence เพื่อปรับสภาพผิวและเพิ่มประสิทธิภาพครีมบำรุงอย่าง Za True White EX Essence Lotion N เนื้อเอสเซนต์บางเบา สบายผิว ไม่ทำให้ผิวหน้าเหนียวเหนอะหนะ ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ, รังสียูวีบี ลดเลือนกระ ฝ้า จุดด่างดำ และกักเก็บความชุ่มชื่นนาน 8 ชั่วโมง ปริมาณ 150 มล. ราคา 259 – 420 บาท (ใช้ได้นาน 2 – 3 เดือน)

3.ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า เพื่อให้การฟื้นฟูผิวและบำรุงผิวมีประสิทธิภาพควรปกป้องผิวตอนกลางวันด้วยครีมกันแดดเนื้อบางเบาอย่าง Banana Boat Aqua Daily Moisture UV Protection Sunscreen Lotion SPF50+ PA++++ ปริมาณ 50 มล. ราคา 129 – 390 บาท อ่อนโยนแต่ปกป้องได้ดีตลอดทั้งวัน ไม่ทำให้รู้สึกหนักหน้า เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ควรทาเป็นประจำทุกวันในปริมาณเท่ากับเหรียญ 5 บาท ให้ทั่วใบหน้าจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

4.ฟื้นฟูผิวพร้อมบำรุงอย่างล้ำลึกยามนอนหลับ Cute Press 8 Hr. Full Night Sleep Overnight Mask ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวให้กลับมากระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและอ่อนวัยระหว่างการนอนหลับ ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรที่ออกแบบมาเพื่อผิวขาดการบำรุงโดยเฉพาะ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว มาพร้อมกลิ่นหอมผ่อนคลายช่วยให้หลับลึกขึ้น ปริมาณ 20 กรัม ราคา 69 บาท

สำหรับผู้ที่ไม่เคยบำรุงผิว การเริ่มต้นดูแลผิวด้วย 4 ขั้นตอนข้างต้น ซึ่งเป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกวันและจะช่วยให้เห็นผลลัพท์ของผิวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เคล็ดลับความงาม แนะวิธีล้างหน้าให้สวยใส

เคล็ดลับความงาม แนะวิธีล้างหน้าให้สวยใส

เชื่อหรือไม่ว่า การล้างหน้าอย่างถูกวิธีเป็นเรื่องสำคัญ และยังส่งผลให้คุณผู้หญิงมีผิวหน้านุ่มนวล กระจ่างใสได้โดยธรรมชาติอีกด้วย สำหรับคุณผู้หญิงที่กำลังมีปัญหาเรื่องผิวหน้าหมองคล้ำและดูไม่กระจ่างสดใส ลองเปิดใจมากับเราเพื่อเรียนรู้แนวทางการล้างหน้าอย่างถูกวิธี ซึ่ง 5 วิธีล้างหน้าให้สวยใสที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เป็นเคล็ดลับความงามอย่างแท้จริงที่น้อยคนจะรู้ รับรองรองว่าจะช่วยฟื้นฟูความอ่อนโยนกระจ่างใสให้ใบหน้าห่างไกลสิวไปได้อีกนานเลยทีเดียว

1.การล้างหน้าอย่างถูกวิธีนั้น อันดับแรกต้องล้างทำความสะอาดมือของเราเสียก่อน เพราะว่ามือคือแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าของเราได้

2.ใช้โลชั่นทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้าเสียก่อน ต่อจากนั้นจึงล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ เพื่อทำความสะอาดคราบไขมันบนใบหน้าและเปิดรูขุมขนเพื่อให้โฟมหรือเจลล้างหน้าเข้าไปทำความสะอาดได้อย่างหมดจด กรณีคุณสาว ๆ ที่รักการแต่งหน้าแนะนำให้ใช้ Makeup Remover เช็ดทำความสะอาดทุกครั้งก่อนการล้างหน้า ด้วยโฟมล้างหน้าเนื้อละเอียด เพื่อประสิทธิภาพในการกำจัดสิ่งสกปรกและไขมันที่อุดตันรูขุมขน

3.บีปโฟมหรือเจลล้างหน้า ลงบนพัฟฟ์หรือมือ นวดวนเบา ๆ ด้วยน้ำให้เกิดฟอง นวดวนไปบนใบหน้าประมาณ 20 วินาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

4.ใช้ผ้านุ่มที่เตรียมไว้ ซับเบา ๆ ให้แห้งหมาด เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ผิวหน้าที่เนียนนุ่มสวยใส ดั่งใจปรารถนา

นอกจากจะมีข้อแนะนำในการล้างหน้าให้ถูกวิธีแล้ว เรายังมีข้อควรระวังในการล้างหน้ามาฝากกันเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยค่ะ

1.เพราะผิวพรรณต้องการการดูแลอย่างอ่อนโยน จึงไม่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงล้างหน้าเป็นประจำ เพราะอาจจะทำให้ผิวแห้งเสียขาดความชุ่มชื้น เป็นสาเหตุของการอักเสบและอาการแพ้ตามมาได้

2.การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานการผลิต

3.เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม มิเช่นนั้นอาจเป็นอันตรายต่อผิวหน้าอันบอบบางของคุณได้

นอกจากการประทินผิวแล้ว คุณสาว ๆ เองต้องหมั่นดูแลสุขภาพจากข้างใน ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่

จะเห็นว่าเป็นขั้นตอนง่าย ๆ แต่ต้องอาศัยวินัยในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดสักหน่อย ซึ่งหากคุณสาว ๆ ทำได้ เชื่อมั่นได้เลยค่ะว่าความงามจากข้างในจะเปล่งประกายแสดงออกมาบนใบหน้าและผิวกาย เพิ่มความมั่นใจในความสวยความงามของตนเองได้อย่างมาก

5 ครีมบำรุงผิวหน้า เพื่อความงามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

5 ครีมบำรุงผิวหน้า เพื่อความงามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่หลายคนยังคงต้องการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นและมีความงามอยู่เสมอ เนื่องจากผิวที่ขาดการบำรุงเป็นระยะเวลานานอาจทำให้ผิวคล้ำแห้งเสียในภายหลังได้ แต่ในระหว่างการตั้งครรภ์จำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องการเลือกใช้เครื่องสำอางเป็นอย่างมาก เพราะในส่วนผสมของครีมบางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ได้ ซึ่งครีมบำรุงผิวที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถใช้ได้และไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ มีดังนี้

1.เบบี้มายด์ เบบี้ครีม แอนตี้ โพลูชั่น
ครีมบำรุงผิวหน้าและผิวตัวสูตรเข้มข้นพร้อมส่วนผสมที่ได้จากธรรมชาติ ช่วยบำรุงความงามของผิวให้ชุ่มชื้น พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งในส่วนผสมของ เบบี้มายด์ เบบี้ครีม แอนตี้ โพลูชั่น ประกอบไปด้วยว่านหางจระเข้ที่ช่วยลดปัญหาผิวอักเสบจากแดดจัด สารสกัดมะรุมจากฝรั่งเศส ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานทำให้ผิวไม่เกิดอาการแพ้ง่ายและผ่านการทดสอบจากประเทศญี่ปุ่นว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แม้จะใช้กับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

2.Dee Nee Pure Baby Lotion Organic
ครีมบำรุงผิวที่มีกลิ่นหอมอ่อนละมุน พร้อมช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยส่วนผสมของดีนี่ เพียว เบบี้ โลชั่น ออร์แกนิก ประกอบไปด้วยน้ำแร่, ข้าวโอ๊ต , ดอกคาโมมายล์, และอโลเวรา ซึ่งมีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยปรับสมดุลให้กับผิวหน้าและผิวกาย พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวหนังยาวนาน โดยไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ

3.Aveeno Baby Daily Moisture Lotion
โลชั่นที่มีส่วนผสมของข้าวโอ๊ต ช่วยปรับสภาพผิวที่แห้งเสีย เกิดผื่นคัน ให้กลับมานุ่มชุ่มชื้น ด้วยส่วนผสมของข้าวโอ๊ตสกัด ปลอดภัยต่อสตรีมีครรภ์และเด็กทารก เพราะไม่มีส่วนผสมของสารอันตราย และน้ำหอมใด ๆ จึงทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีผิวที่นุ่มชุ่มชื้นสุขภาพดี และยังช่วยสร้างเกราะป้องกันให้กับผิว ทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น

4.Eucerin pH5 Lotion
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ช่วยดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ที่กำลังประสบปัญหาผิวแห้งกร้าน ซึ่งคุณสมบัติของยูเซอร์รีน pH5 โลชั่น จะเข้าไปช่วยปรับสมดุลความเป็นกรด – ด่าง ให้กับผิว ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะ

5.Smooth E Cream
ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น แต่ยังมีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ ราคาประหยัด และช่วยบำรุงผิวคุณแม่ตั้งครรภ์ให้คงความงามและความชุ่มชื้นได้ตลอดวัน

ครีมบำรุงผิวทั้ง 5 ยี่ห้อเป็นครีมที่ช่วยให้ผิวของคุณแม่ได้รับการดูแลให้มีความงามแม้ในยามตั้งครรภ์ โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ช่วยลดปัญหาผื่นคันจากผิวแห้ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว จึงทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีสุขภาพผิวดีอยู่เสมอ

ร้อยไหมหน้าเรียว

ขั้นตอนร้อยไหม เพื่อความงามของผิวหน้าในวัย 30 – 60 ปี

ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในวัย 30 – 60 ปี ทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะมีผิวหน้าเสื่อมไปตามเวลาโดยเฉพาะผิวหน้าชั้นลึกซึ่งทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย ทำให้ความงามของใบหน้าลดลง ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาแนะนำวิธีที่เร็วและดีสำหรับคนในวัยนี้ นั่นก็คือ การร้อยไหม ซึ่งมีให้ใช้งานหลายชนิด อาจจะเป็นร้อยไหมแบบลักษณะก้างปลาหรืออาจเป็นไหมแบบ PDO หรืออื่น ๆ แต่ต่างก็ช่วยเพิ่มความงามของผิวหน้าให้มีความกระชับอย่างเป็นธรรมชาติได้นานประมาณถึง 1 – 2 ปี โดยมีขั้นตอนที่ควรรู้ ดังนี้

  1. ปรึกษาแพทย์ในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องร้อยไหม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประวัติสุขภาพเพราะบางโรคไม่สามารถเข้ารับการร้อยไหม เช่น ไวรัสทั้งบีและซี , แพ้ภูมิตัวเอง ,เอดส์และอื่น ๆ รวมไปถึงผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์อีกด้วย ถึงแม้ว่าการร้อยไหมจะมีความปลอดภัยสูงตามที่ได้มีการรับรองของ อย.ก็ตาม นอกจากนี้จะมีการเจรจาในเรื่องของราคาที่สามารถจ่ายได้ ผลที่ได้หลังจากที่ได้ร้อยไหมไปแล้วว่าตรงกับความต้องการหรือไม่ และระดับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่ายระหว่างแพทย์กับคนที่จะมาทำร้อยไหม
  2. ตรวจสอบสภาพผิว เนื่องจากสภาพผิวแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน บางคนมีรอยเหี่ยวย่นมากหรือบางคนจะน้อย แพทย์จะได้เตรียมจำนวนไหมและจัดประเภทไหมให้ถูกต้อง รวมถึงปริมาณยาชาที่จะต้องฉีดเข้าไปเพื่อระงับความเจ็บปวดให้กับผู้รับการร้อยไหม ไม่เพียงแต่เท่านี้ ยังต้องทำการถ่ายภาพสภาพผิวหน้าระหว่างก่อนทำและหลังทำเพื่อดูความแตกต่างหรือผลลัพธ์ที่ได้ หากยังไม่พึงพอใจก็สามารถสังเกตจากภาพ แล้วปรับเปลี่ยนตามที่ต้องการอีกครั้ง
  3. ฉีดยาชาบรรเทาปวดก่อนที่จะสอดเส้นไหมเข้าสู่เนื้อเยื่อ ซึ่งในระหว่างเข้ารับร้อยไหมนั้นจะกระตุ้นการหดตัวคอลลาเจนเพื่อให้ผิวกระชับ การหมุนเวียนของเลือดดี รูปทรงหน้าเป็น V-SHAPE ร่องแก้มดีขึ้น ไม่มีริ้วรอย ซึ่งตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มาทำหน้าได้อย่างดี และเมื่อทำหน้าเสร็จแล้วอาจจะบวมเป็นเวลาประมาณ 2 – 4 วันได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถพักฟื้นได้ ไม่นานมากนัก

สิ่งที่ควรระวังในการตัดสินใจที่จะเข้ารับการร้อยไหมนั้น จะต้องศึกษาการเลือกคลินิกอย่างรอบคอบ เพราะในปัจจุบันมีหลายที่เป็นหมอกระเป๋าหรือแพทย์ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดอันตรายต่อผิวหน้าและความงามได้ ทำให้เสียทั้งเงินและเวลา รวมถึงเสียความรู้สึก จนถึงขั้นฟ้องร้องกันได้ เพราะใบหน้าเป็นสิ่งสำคัญในการให้ผู้อื่นได้พบเห็น มีผลต่อการทำงานและเข้าสังคม ดังนั้นจึงต้องเลือกสถานบริการที่มีมาตรฐานทางการรักษาอย่างถูกต้องเท่านั้น

แนะนำ 5 สมุนไพรไทยเสริมความงามที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด

แนะนำ 5 สมุนไพรไทยเสริมความงามที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงกับความงามนั้นเป็นของคู่กัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของสาว ๆ ทุกคนจะเต็มไปด้วยเครื่องประทินผิวร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เซรั่ม มาสก์ น้ำตบ โฟมล้างหน้า ครีมทาผิวเดย์ครีมและไนท์ครีม ครีมกันแดด ครีมแต้มสิว และวิตามินบำรุงอีกมากมาย อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งทางเลือกที่สาว ๆ หลายคนเลือกใช้คือ สมุนไพรไทย เพราะนอกจากจะปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่ทิ้งสารเคมีตกค้างบนร่างกายแล้ว สมุนไพรไทยหลาย ๆ ชนิดยังมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์การันตียืนยันว่าสามารถช่วยบำรุงผิวหน้าและผิวกายได้จริง แต่จะมีสมุนไพรไทยชนิดไหนบ้างนั้น วันนี้เรามีคำตอบดี ๆ มาฝาก

สมุนไพรช่วยบำรุงผิวหน้าและผิวกาย

ว่านหางจระเข้ – สำหรับสมุนไพรไทยตัวแรกที่สาว ๆ ควรมีไว้ติดบ้านคือ ว่านหางจระเข้ สมุนไพรมากประโยชน์ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องการบวมแดง ลดการอักเสบ รอยไหม้ สมานแผล รักษาสิว และการระคายเคืองแล้ว ยังกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำ สร้างเซลล์ผิวใหม่ และคอลลาเจน เมื่อนำมาใช้พอกตัวหรือขัดตัว ทำให้ดูผิวหน้าผิวกายชุ่มชื้นดูเนียนนุ่มขึ้น

ขมิ้นชัน – ถ้าพูดถึงสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนัง ลดสิว และลดผดผื่นคัน เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงขมิ้นชันแน่นอน เพราะสมุนไพรชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้หลายชนิด นอกจากนั้นหากนำผงขมิ้นมาขัดตัว จะช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างสดใสขึ้นด้วย

แตงกวา – มาต่อกันด้วยสมุนไพรไทยที่ทุกบ้านต้องมีเก็บไว้ในตู้เย็น เนื่องคนไทยส่วนใหญ่มักนำมาแตงกวามาใช้เป็นผักทานคู่กับน้ำพริกหรือแกมกับอาหารประเภทผัด ส่วนประโยชน์ทางด้านบำรุงผิวพรรณนั้นก็มีไม่น้อยเช่นกัน เพราะถ้านำแตงกวาแช่เย็นมาแปะบนใบหน้าหรือดวงตา จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเติมน้ำให้กับผิว ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น รวมทั้งยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าอีกด้วยสมุนไพรช่วยบำรุงผิวหน้าและผิวกาย

ใบบัวบก – อีกหนึ่งสมุนไพรที่หลายคนยกให้เป็นสมุนไพรในดวงใจของสาว ๆ หลายคน เพราะนำมาใช้ได้หลายอย่าง เช่น ทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร หรือจะปั่นละเอียดมาใช้พอกหน้าก็จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย จุดด่างดำ ช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น

มะขามเปียก – ปิดท้ายกันด้วยสมุนไพรประจำบ้านที่อยู่คนไทยมานานอย่างมะขามเปียก เพราะการนำมะขามเปียกมาใช้ขัดตัวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่า ลดริ้วรอย และกระตุ้นร่างกายให้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ดูขาวกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 5 สมุนไพรไทยเสริมความงามที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรมากสรรพคุณที่สาว ๆ ทุกคนควรมีติดบ้านไว้ใช้บำรุงผิว ซึ่งปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องปลูกเองให้เสียเวลา เพราะหาซื้อง่ายได้ตามท้องตลาดและซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีทั้งแบบสด แบบแห้ง และแบบผง ให้เลือกตามความชอบ

สูตรพอกหน้าแก้สิว เทคนิคง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้

ความงามของผิวหน้า ที่แลดูผิวใสไร้สิว เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ซึ่งเทคนิคง่าย ๆ คือ การใช้สูตรที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติในการพอกหน้าเป็นประจำ จะช่วยให้แก้ปัญหาสิวชนิดต่าง ๆ และปรับสมดุลผิวให้สุขภาพดียิ่งขึ้นได้ เรามาดูกันว่าจะมีสูตรพอกหน้าแก้สิวใดบ้าง ที่ได้รับความนิยม

เคล็ดลับพอกหน้า ทำลายสิว

สูตรน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง : การพอกหน้าด้วยน้ำมะนาว จะทำให้เซลล์ผิวได้รับสารกลุ่มวิตามินซีเข้มข้น ทำให้เมื่อพอกเป็นประจำจะส่งผลให้ผิวหน้าแลดูขาวใส ลดรอยดำจากสิวได้ ขณะเดียวกัน ยังได้โปรตีนหลายชนิดในน้ำผึ้งที่จะช่วยบำรุงเซลล์ผิวได้อย่างล้ำลึก และมีผลดีต่อการปรับสมดุลผิวหน้า จึงลดปัญหาสิวอักเสบและสิวผดผื่นจากการแพ้สิ่งต่าง ๆ ได้

สูตรน้ำมะขามผสมนม : การพอกหน้าด้วยนมสดจะเหมาะกับผิวที่แห้งขาดการดูแล ซึ่งมักมีสิวผดกระจายทั่วใบหน้า เมื่อผสมกับน้ำมะขามเปียก จะช่วยในการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่อุดตันรูขุมขนอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหลายประเภท เมื่อใช้สูตรนี้เป็นประจำ จะทำให้ผิวหน้าแลดูขาวกระจ่างใสขึ้น และลดปัญหาสิวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพอกหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะสังเกตได้ว่ารอยด่างดำจากแผลเป็นสิวลดลงมาก

สูตรไข่ขาวผสมน้ำมะนาว : ไข่ขาวถือได้ว่าเป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ทั้งรูปแบบของการรับประทานและการทา เมื่อใช้เป็นสูตรพอกหน้าให้ผสมกับน้ำมะนาวเพียงเล็กน้อย จะช่วยให้ได้ผลในการลดรอยด่างดำจากสิวได้ดีขึ้น ควบคู่กับการกระชับรูขุมขนอย่างชัดเจน

สูตรดินสอพองผสมน้ำผึ้งและขมิ้นผง : ผงขมิ้นแท้สามารถหาซื้อได้จากร้านขายสมุนไพรทั่วไป เมื่อผสมกับน้ำผึ้งและดินสอพองในอัตราส่วนที่เท่ากัน พอกใบหน้าทิ้งไว้ก่อนนอน จะทำให้บำรุงผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก ปรับสมดุลใบหน้า ลดการผลิตไขมันส่วนเกิน จึงลดอาการสิวอักเสบและสิวผดได้เป็นอย่างดี

โยเกิร์ตผสมน้ำมะนาว : การใช้โยเกิร์ตสูตรธรรมดา ผสมกับน้ำมะนาวเพียงเล็กน้อย เมื่อพอกหน้าเป็นประจำก่อนนอน จะช่วยให้รูขุมขนกระชับ ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้สิวอักเสบ และยังทำให้ผิวหน้านุ่มชุ่มชื้นขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิวจากผิวแห้งแพ้ง่าย เมื่อใช้เป็นประจำ จะทำให้ใบหน้าดูสว่างกระจ่างใสขึ้นด้วย

การดูแลผิวพรรณให้ปราศจากปัญหาสิวชนิดต่าง ๆ ได้ยาวนาน ต้องมาจากการใส่ใจบำรุงและทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสม เมื่อเพิ่มการพอกหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว ก็จะทำให้ผิวได้รับการบำรุงและควบคุมการสร้างไขมันส่วนเกินและปรับสมดุลใบหน้า ลดโอกาสเกิดสิวได้

สูตรพอกหน้าแก้สิว เทคนิคง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้

เทคนิคในการดูแลผิวหน้า

วิธีดูแลความงามของผิวหน้าให้สวยใส 2020

ใบหน้าเป็นจุดแรกที่คนจะประทับใจในตัวคุณได้ หากดูแลเรื่องของความสะอาดและการบำรุงอย่างเหมาะสม ก็จะทำให้คุณรักษาผิวหน้าที่สวยใสไว้ได้อย่างยาวนาน

เทคนิคในการดูแลผิวหน้า

1. การล้างหน้าให้สะอาด

การล้างหน้าต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ไม่ทำให้ดึงน้ำออกจากหน้ามากเกินไปจนผิวแห้งตึง นอกจากนี้ การมีสารเคมีที่ทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองเป็นผดผื่น ก็เป็นสิ่งที่ต้องระวัง การล้างหน้าควรจะทำวันละ 2 ครั้ง หากมีการออกกำลังกายด้วย ต้องใช้ผลิตภัณฑ์สูตรเฉพาะสำหรับการล้างหน้าบ่อย เพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย

2. การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงหน้า

สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้ง จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์สูตรที่เป็นเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อที่จะซึมซาบลงไปในชั้นลึกได้ดี ป้องกันปัญหาริ้วรอยแก่ก่อนวัย ส่วนคนที่เป็นผิวมันและผิวผสม ต้องใช้ผลิตภัณฑ์สูตรเซรั่ม ที่มีเนื้อบางเบาซึมซาบดี ป้องกันการอุดตันรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวที่วัยรุ่นและวัยทำงานมักเป็นได้

3. การขัดผิว

การใช้เม็ดขัดผิวในผลิตภัณฑ์ทั้งแบบเจลหรือแบบมาสก์ จะมีประโยชน์หากทำสัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง เพื่อช่วยในการกำจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออก ลดความหมองคล้ำและช่วยทำให้ผิวหลังการขัดหน้าสดใสขึ้น และยังลดการอุดตันของไขมันและสิ่งสกปรกที่จะอุดตันในรูขุมขน อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบได้

4. การใช้ครีมกันแดด

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องทาเป็นประจำ โดยเฉพาะถ้ามีเหงื่อออกจากการออกกำลังกายจะต้องทาซ้ำอีกเพื่อให้เพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิว ทั้งนี้ ควรทากันแดดก่อนการออกจากบ้านอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และควรกางร่มเมื่ออยู่ในที่ที่มีแดดร้อนจัด เพื่อป้องกันการเกิดฝ้าและผิวหมองคล้ำ

5. การใช้โทนเนอร์ ช่วยกระชับรูขุมขน

สำหรับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผลิตภัณฑ์กลุ่มโทนเนอร์ช่วยในการกระชับรูขุมขนได้ดี จะทำให้ลดโอกาสที่สิ่งสกปรกจะลงไปอุดตันในผิวได้ด้วย แนะนำให้ใช้เป็นประจำวันละ 1-2 ครั้ง จะทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้นด้วย

การดูแลผิวพรรณเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใส่ใจตั้งแต่อายุน้อย เพื่อให้ถนอมผิวสวยให้อยู่คู่กับคุณไปได้อย่างยาวนาน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้แนวทางในการนำไปปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมต่อไป

วิธีดูแลความงามของผิวหน้าให้สวยใส 2020

วิธีดูแลให้หน้าใสไร้สิว สำหรับคนผิวมันและผิวผสม

คนไทยส่วนใหญ่มีลักษณะผิวมันและผิวผสม สังเกตจากที่หน้าช่วงหน้าผาก จมูกและคาง มักจะมีสิวอักเสบและสิวอุดตันขึ้นบ่อยๆ ซึ่งเป็นได้ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน สร้างความรำคาญ และลดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันและการเข้าสังคมด้วย

วิธีการใดที่ช่วยให้ผิวหน้าของคนที่ผิวมันผิวผสมไร้ปัญหาสิวได้ดียิ่งขึ้น

1. ใช้กระดาษซับมัน

กระดาษซับมัน มีทั้งแบบแผ่นฟิล์ม เยื่อกระดาษ ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะกับปริมาณน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า กระดาษซับมันที่ดีจะมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำมันที่ต่อมไขมันสร้างขึ้นมากเป็นพิเศษ โดยไม่ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นของผิวหน้าไป ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องซับหน้าตลอดทั้งวัน แต่เมื่ออยู่ในห้องแอร์หรือช่วงกลางวันพักเที่ยง ค่อยใช้สักครั้งหนึ่ง จะลดโอกาสเกิดสิวอุดตันได้ดียิ่งขึ้น

2. ใช้น้ำเกลือเช็ดหน้าหลังล้างหน้า

ผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบบ่อยๆ หากใช้ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์ทำความสะอาดหน้าแล้วยังมีอาการระคายเคืองหรือเป็นสิวมากขึ้น ควรเลือกทางออกใหม่ คือ การใช้น้ำเกลือสะอาดชุบสำลีเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าทุกครั้งหลังการล้างหน้า จะช่วยในการลดแบคทีเรียและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ที่สำคัญจะลดโอกาสเป็นสิวอักเสบได้อย่างดีด้วย

3. ใช้ผลิตภัณฑ์มาสก์หน้า

สูตรมาสก์แผ่นหรือครีมทาที่ช่วยในการลดผิวหน้ามันได้ ควรจะเป็นสูตรที่ระบุว่ากระชับรูขุมขนควบคุมความมัน นอกจากนี้ ควรมีสารสังกะสีและวิตามิน C แก้ปัญหาสิวอักเสบและลดรอยด่างดำของสิวได้ด้วย การมาสก์หน้าเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะทำให้ผิว หน้าใส เกิดการปรับสมดุล ช่วยลดความมันส่วนเกินที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้

4. งดอาหารมันและของแสลง

มีการวิจัยพบว่าอาหารบางชนิดจะกระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบและเพิ่มไขมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ เช่น อาหารทอดกรอบ ขนมเบเกอรี่ที่มีเนยนมหรือไขมันจากสัตว์ในปริมาณสูง ช็อกโกแลตโกโก้ ขนมหวานที่มีกะทิและน้ำตาลเป็นส่วนผสมมาก ก็ทำให้กระตุ้นสิวอักเสบได้ในบางราย นอกจากนี้ อาหารแสลง เช่น น้ำปลาร้า ปูเค็ม อาหารหมักดอง ฯลฯ ก็ทำให้หลายคนเป็นสิวเห่อมากขึ้นได้เช่นกัน หากคุณเป็นคนที่สิวเห่อทุกครั้งหลังรับประทานอาหารเหล่านี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นในภายหน้า

จะเห็นได้ว่า วิธีการดูแลผิวพรรณให้ไร้สิวสำหรับคนที่ผิวมันและผิวผสม เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลทั้งเรื่องของอาหาร การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะสม เราหวังว่าบทความนี้จะให้ประโยชน์แก่ผู้อ่าน เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ใบหน้าสวยใส ไร้ปัญหาสิว

วิธีดูแลให้หน้าใสไร้สิว สำหรับคนผิวมันและผิวผสม

ปลอกหมอกผ้าไหมดูแลความงามผิวหน้าและเส้นผม จริงหรือไม่

ปลอกหมอกผ้าไหมดูแลความงามผิวหน้าและเส้นผม จริงหรือไม่

ปลอกหมอนผ้าไหมกำลังได้รับความนิยมและพูดถึงกันมากว่าเป็นเคล็ดลับความงามช่วยให้ผิวหน้าสวยและอ่อนเยาว์ระหว่างนอนหลับ โดยอ้างสรรพคุณของเส้นใยไหมช่วยลดปัญหาสิวและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า หลายคนคงอยากพิสูจน์เรื่องประสิทธิภาพของผ้าไหมว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร ลองอ่านความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิว ดร.เอลิซาเบธ แทนซี แพทย์โรคผิวหนังที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันในสหรัฐ เธออธิบายว่าปลอกผ้าไหมไม่ใช่สูตรสำเร็จในการดูแลความงาม เพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ชี้ชัดว่าผ้าไหมยับยั้งการเกิดสิวหรือป้องกันริ้วรอยได้ แต่ก็มีประโยชน์ต่อผิวเหมือนกัน

ปลอกหมอนช่วยรักษาความชุ่มชื้น จริงไหม?

ปัจจุบันสาวรักความงามเลือกใช้ครีมบำรุงและมอยส์เจอร์ไรเซอร์หลายชนิดช่วยผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นหมุนเวียนของเซลล์ในตอนกลางคืน ผิวเกิดการฟื้นฟูผิวในขณะนอนหลับ เหตุผลที่ปลอกหมอนผ้าไหมเข้ามาเป็นเทรนด์ใหม่เพราะเชื่อว่าจะทำให้ไม่ต้องเสียเวลาประคบประหงมใบหน้าหลายขั้นตอน เรามาวิเคราะห์กันที่ผลกระทบต่อผิวในด้านการป้องกันริ้วรอย ความจริงคือปลอกหมอนทำจากไหมหม่อน 100% ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังมากกว่าผ้าฝ้าย อย่างไรก็ตาม ริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ร่องแก้มและหางตา เกิดจากหลายสาเหตุรวมถึงการนอนตะแคงใบหน้าด้านข้างแนบหมอนทำให้เกิดรอยย่นบนใบหน้ามากขึ้น ด้วยอายุของผิวและแสงแดดเป็นตัวการทำลายความยืดหยุ่นบนผิว การนอนหงายเป็นวิธีดีที่สุด นอกจากนั้นสาเหตุของสิวยังเกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาด ลบเครื่องสำอางไม่หมดจด และเหงื่อออกตอนกลางคืน

เหตุผลที่ปลอกหมอนผ้าดีกว่าผ้าฝ้ายแบบดั้งเดิม ดร.เอมี เวคสเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังในนิวยอร์ก อธิบายว่า เป็นเพราะเส้นใยฝ้ายดึงความชุ่มชื้นจากเส้นผมและใบหน้า ทำให้ผิวแห้งและผมแห้ง อีกทั้งความชื้นที่ถูกดึงเข้าไปในหมอนอาจกระตุ้นสารก่อภูมิแพ้และแบคทีเรียทำให้ผิวหนังและเส้นผมเกิดความเสียหาย นอกจากนั้นเนื้อสัมผัสของผ้าไหมยังนุ่มลื่น ช่วยลดแรงเสียดทานทำให้เส้นผมแตกและขาดน้อยลง ไม่ระคายเคืองผิวหนังในขณะนอนหลับปลอกหมอนช่วยรักษาความชุ่มชื้น จริงไหม

ผ้าไหมอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แต่ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดมีประโยชน์ในแง่ไม่ดึงความชื้นจากผิวหนัง ดร. นีล ชอลท์ซ (Dr. Neal Schultz) แพทย์ผิวหนังในนิวยอร์ก ยืนยันว่าคุณสมบัติของปลอกหมอนผ้าไหมดูจะกล่าวเกินจริงไปมาก แต่เป็นความจริงในเรื่องการรักษาความชุ่มชื้นแก่เส้นผมและผิว เหมาะสำหรับฤดูหนาวที่อากาศแห้ง ผมไม่แตกหรือยุ่งเหยิงพันกันเมื่อตอนตื่น เส้นใยไหมสวยเป็นเงา ยิ่งใช้ยิ่งนิ่มและเย็นสบาย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า วิธีที่ดีควรล้างหน้าก่อนนอน เปิดแอร์หรือพัดลมเพื่อลดเหงื่อและรูขุมขนอุดตัน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและไม่ระคายเคือง ไม่ควรคาดหวังว่าผ้าไหมจะช่วยกำจัดสิวหรือป้องกันการเกิดสิวได้ หากเป็นสิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบริเวณที่เป็นสิว และเลิกสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ จะเป็นขั้นตอนการดูแลผิวที่มีประโยชน์มากกว่า

ความงามของผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุข ฉบับปี 2019

ความงามของผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุข ฉบับปี 2019

สำหรับผู้หญิงทุกคน การมีชีวิตคู่ที่มีความสุขเป็นพลังใจและทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์แบบ ซึ่งการจะทำให้อยู่ในจุดนั้นได้อย่างยาวนาน คือ การคงไว้ซึ่งความงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย

ความงามของผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุข

ความงามจากภายใน

คงไม่ดีแน่ หากผู้หญิงที่อยู่ด้วยเป็นคนฉุนเฉียว โมโหง่าย พูดผิดหูนิดหน่อยก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เรียกได้ว่าหากขาดความงามจากภายในจิตใจย่อมส่งผลให้ฝ่ายชายเบื่อและสะเทือนต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวอย่างแน่นอน ผู้หญิงที่อยากให้คนรักมีความสุขและอยากอยู่ใกล้จึงควรดูแลความงามภายในดังต่อไปนี้

1. การงอนแต่พองาม ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ขึ้นลงง่าย

2. แสดงออกถึงความห่วงใย แต่ต้องไม่เป็นการบงการ หรือบังคับให้ฝ่ายชายทำตามคำสั่ง

3. ยิ้มง่าย มองโลกในแง่ดี เป็นสิ่งที่ผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องการจากคนรัก เพราะทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายที่จะพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง

4. การให้อภัย ไม่ขี้โกรธ เป็นอีกข้อที่ทำให้ความสัมพันธ์ยืนยาว ในเมื่อทุกคนมีโอกาสผิดพลาด ฝ่ายชายจึงปรารถนาผู้หญิงที่มีความเข้าใจและพร้อมให้โอกาสแก้ไขตัวเสมอ

ความงามจากภายนอก

การดูแลความงามจากภายนอกของผู้หญิงเป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงต่อความรู้สึกภูมิใจในคนรัก ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่ดูแลตัวเอง เติมเสน่ห์ให้ตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นสิ่งที่ผู้หญิงควรใส่ใจดูแลความงามจากภายนอกจึงมีดังนี้

1. การดูแลสุขภาพผม ให้มีความเงางาม นุ่มสลวย และกลิ่นหอม อย่าลืมว่าแม้คุณจะแต่งตัวสวยงามอินเทรนด์เพียงใด แต่หากทรงผมรุงรังและมีกลิ่นไม่สะอาด ก็เป็นการบั่นทอนบุคลิกภาพได้

2. การดูแลสุขภาพในช่องปาก หมั่นแปรงฟันหลังอาหารและใช้สเปรย์ดับกลิ่นปาก โดยเฉพาะหลังการรับประทานอาหารคาวที่มีกลิ่นแรง เช่น กะปิ น้ำพริก สะตอ ชะอม รวมถึงการเช็คสุขภาพในช่องปากกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อขูดหินปูนและคราบพลัคสีเหลืองน้ำตาลที่ทำให้รอยยิ้มของคุณดูหม่นกว่าที่ควร

3. การบำรุงผิวหน้าและกายให้มีความนุ่มชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ การทาครีม เซรั่ม หรือมาร์กหน้าเพื่อการลดริ้วรอยและความหมองคล้ำเป็นประจำ จะช่วยให้คุณแลดูสดใส ลดวัยลงไปเป็นสิบปี

4. การแต่งหน้าแบบเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่คุณควรฝึกบ่อย ๆ เพื่อให้สามารถเข้าได้กับทุกสไตล์การแต่งตัว หากไม่อยากดูแก่กว่าคนรัก ควรงดการเขียนคิ้ว ตา และขอบปากที่เข้มเกินไปด้วย

ความงามของผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตคู่

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับการดูแลความงามเพื่อช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคนรักดียิ่งขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้คุณได้ปรับใช้กันตั้งแต่ต้นปี 2019 เพื่อให้ความรักของคุณมีความสุขและราบรื่นยาวนาน