ป้ายกำกับ: ความงาม

เคล็ดลับการดูแลใบหน้า ให้สวยใส ไร้สิว

เคล็ดลับการดูแลใบหน้า ให้สวยใส ไร้สิว

การมีผิวหน้าสวยใส ไร้สิว เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา แต่การจะดูแลผิวให้สวยใสนั้น จำเป็นต้องอาศัยความใส่ใจและการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เคล็ดลับการดูแลใบหน้าให้สวยใส ไร้สิว มีดังนี้

1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด

การล้างหน้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำความสะอาดผิวหน้า แนะนำให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยใช้โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว และควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจด เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และความมันส่วนเกินบนใบหน้า ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว

2. ทาครีมบำรุงผิว

หลังจากล้างหน้าสะอาดแล้ว แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน และช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ แนะนำให้เลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส เช่น วิตามินซี เรตินอล อาร์บูติน เป็นต้น

3. ทาครีมกันแดด

แสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย กระ และฝ้า แนะนำให้ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบี โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ ขึ้นไป

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ กระจ่างใส และสุขภาพดี แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยบำรุงผิวให้สวยใสจากภายในสู่ภายนอก แนะนำให้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ผัก และผลไม้ต่างๆ

6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใส สุขภาพดี

7. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว

ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ และการนอนดึก

นอกจากเคล็ดลับการดูแลผิวหน้าข้างต้นแล้ว ยังสามารถเสริมการดูแลผิวด้วยการทำทรีตเมนต์จากคลินิกความงาม ซึ่งจะช่วยผลักวิตามินเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิวของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อเลือกวิธีการดูแลผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

การทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเพื่อป้องกันเชื้อโรค

การทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเพื่อป้องกันเชื้อโรค

การทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ เช่น สิว แพ้ ระคายเคือง เป็นต้น

วิธีทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเพื่อป้องกันเชื้อโรค มีดังนี้

  1. เตรียมอุปกรณ์
  • น้ำยาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า หรือสบู่เหลว หรือแชมพูเด็ก
  • ภาชนะสำหรับล้างแปรง
  • น้ำอุ่น
  • กระดาษทิชชู่หรือผ้าขนหนู
  1. ล้างแปรงด้วยน้ำอุ่น

เทน้ำอุ่นลงในภาชนะสำหรับล้างแปรง จากนั้นนำแปรงมาจุ่มน้ำอุ่นและขยี้เบาๆ เพื่อล้างสิ่งสกปรกออก

  1. ทำความสะอาดแปรงด้วยน้ำยาทำความสะอาด

เทน้ำยาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าหรือสบู่เหลวหรือแชมพูเด็กลงในภาชนะสำหรับล้างแปรง จากนั้นนำแปรงมาจุ่มน้ำยาทำความสะอาดและขยี้เบาๆ ประมาณ 1-2 นาที

  1. ล้างแปรงด้วยน้ำสะอาด

ล้างแปรงด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งเพื่อล้างน้ำยาทำความสะอาดออก

  1. ซับแปรงให้แห้ง

ซับแปรงด้วยกระดาษทิชชู่หรือผ้าขนหนูให้แห้งสนิท

  1. เก็บแปรงไว้ในที่แห้ง

เก็บแปรงไว้ในที่แห้งเพื่อป้องกันการขึ้นรา

นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือบ่อยกว่านั้นหากใช้แปรงบ่อยๆ

เคล็ดลับเพิ่มเติมในการทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า

  • ควรล้างแปรงแต่งหน้าแยกประเภท เพื่อให้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง
  • หากแปรงแต่งหน้ามีขนแปรงที่ละเอียดอ่อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าที่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง
  • หากแปรงแต่งหน้ามีขนแปรงที่แข็ง ควรใช้แปรงปัดแปรงเบาๆ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออก
  • หากแปรงแต่งหน้ามีขนแปรงที่หลุดร่วง ควรเปลี่ยนแปรงใหม่

การทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าอย่างสม่ำเสมอจะช่วยปกป้องผิวของคุณจากเชื้อโรคและแบคทีเรีย ช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีและดูสดใสอยู่เสมอ

เคล็ดลับการดูแลผิวของสาวๆ

เคล็ดลับการดูแลผิวของสาวๆ

มีกิจวัตรการดูแลผิวสำหรับเด็กผู้หญิงที่แตกต่างกันมากมาย แต่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดบางขั้นตอนได้แก่

1.คลีนซิ่ง นี่เป็นขั้นตอนแรกในการขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเครื่องสำอางออกจากผิว ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

2.การปรับสี การปรับสีช่วยปรับสมดุล pH ของผิว และขจัดสิ่งสกปรกหรือน้ำมันที่หลงเหลืออยู่ ใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์และไม่ระคายเคือง

3.ให้ความชุ่มชื้น นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวและสภาพอากาศของคุณ

4.ขัดผิว การขัดผิวช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเผยผิวที่กระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น ขัดผิวสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคุณ

5.การป้องกัน SPF นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ครีมกันแดดแบบสเปกตรัมกว้างที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าทุกวัน แม้ว่าจะมีเมฆมากก็ตาม

เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการดูแลผิวของสาวๆ มีดังนี้

-อ่อนโยนต่อผิวของคุณ หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

-ดื่มน้ำปริมาณมาก น้ำช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี

-กินอาหารเพื่อสุขภาพ การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพสามารถช่วยให้สุขภาพผิวโดยรวมของคุณดีขึ้นได้

-นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้น

หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับผิวของคุณ โปรดปรึกษาแพทย์ผิวหนัง พวกเขาสามารถช่วยคุณพัฒนากิจวัตรการดูแลผิวที่เหมาะกับคุณได้

ต่อไปนี้เป็นกิจวัตรการดูแลผิวที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผิวประเภทต่างๆ

1.ผิวมัน ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากน้ำมันและไม่ทำให้เกิดสิว ซึ่งหมายความว่าจะไม่อุดตันรูขุมขน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหรือปิโตรเลียมเจลลี่ คุณอาจต้องการใช้โทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน ให้ความชุ่มชื้นด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาที่ปราศจากน้ำมัน

2.ผิวแห้ง ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีส่วนผสมของสบู่และไม่ระคายเคือง มองหามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีกรดไฮยาลูโรนิกหรือกลีเซอรีนซึ่งเป็นสารฮิวเมกแทนท์ที่ช่วยดึงดูดน้ำเข้าสู่ผิว คุณอาจต้องการใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าเพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น

3.ผิวผสม ผิวประเภทนี้มีความมันในบางพื้นที่ เช่น บริเวณทีโซน และผิวแห้งในบริเวณอื่นๆ ใช้น้ำยาทำความสะอาดและมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวผสม คุณอาจต้องการใช้โทนเนอร์เพื่อช่วยปรับสมดุล pH ของผิว

4.ผิวแพ้ง่าย ผิวประเภทนี้ระคายเคืองได้ง่ายจากผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง ใช้น้ำยาทำความสะอาดและมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยนที่ปราศจากน้ำหอมและไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือน้ำมันหอมระเหย

ไม่ว่าสภาพผิวของคุณจะเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องหากิจวัตรการดูแลผิวที่เหมาะกับคุณและเพื่อให้สอดคล้องกับกิจวัตรของคุณ เพียงใส่ใจเพียงเล็กน้อย คุณก็จะมีผิวสวยสุขภาพดีได้ยาวนานหลายปี

แนะเคล็ดลับการลดน้ำหนักแบบง่าย ๆ ไม่ต้องง้อยาลดน้ำหนัก

แนะเคล็ดลับการลดน้ำหนักแบบง่าย ๆ ไม่ต้องง้อยาลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักถือเป็นกิจกรรมยอดฮิตอย่างหนึ่งของสาว ๆ ที่เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีน้ำหนักส่วนเกินที่มากเกินพอดีก็จะเริ่มปฏิบัติการลดน้ำหนักกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งจริง ๆ แล้วการลดน้ำหนักควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อนหรือกำหนดระยะเวลาที่สั้นจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ร่างกายของเรารับโปรแกรมเหล่านั้นไม่ไหวและอาจจะเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ 

แนะเคล็ดลับการลดน้ำหนักได้แบบง่าย ๆ 

  1. ดื่มน้ำเปล่าก่อนรับประทานอาหารประมาณ 30 นาที วิธีนี้จะช่วยให้รับประทานอาหารได้น้อยลง เนื่องจากร่างกายจะไม่รู้สึกว่าหิวมากเท่ากับตอนที่ยังไม่ได้ดื่มน้ำ อีกทั้งการดื่มน้ำเปล่าก็ยังมีข้อดีหลากหลายอย่าง เช่น ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและทำให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอตามปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะดื่มน้ำไม่ถึงปริมาณที่เหมาะสม 
  1. ลดน้ำหวานประเภทต่าง ๆ โดยสามารถเริ่มต้นได้จากการลดความถี่ในการดื่มน้ำหวานลงก่อน อย่างเช่น จากที่เคยดื่มทุกวันก็ให้ลดเป็นอาทิตย์ละ 2 – 3 วัน เป็นต้น ซึ่งถ้าลดปริมาณน้ำตาลหรือความหวานของเครื่องดื่มได้ด้วยก็จะเป็นเรื่องดีมาก เพราะการดื่มน้ำหวานเป็นประจำจะทำให้เกิดน้ำตาลสะสมในร่างกายได้ด้วย และในอนาคตก็จะส่งผลทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้อีกมากมาย
  1. ในแต่ละมื้ออาหารควรจะเคี้ยวอาหารให้ละเอียดและเคี้ยวช้า ๆ ไม่รีบรับประทานอาหารและรีบกลืนจนเกินไป เนื่องด้วยการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดจะช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารได้ดีมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้รู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้ในปริมาณที่น้อยลงด้วย
  1. ลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารประเภทของทอดของมัน เพราะจะทำให้เกิดไขมันสะสมภายในร่างกายได้ นอกจากส่งผลทำให้เกิดโรคอ้วนได้แล้วยังเป็นสาเหตุสำคัญของหลาย ๆ โรคอีกด้วย ถ้าสามารถทำได้ควรเปลี่ยนมารับประทานอาหารประเภทที่ใช้น้ำมันน้อยหรือไม่ใช้น้ำมัน อย่างอาหารประเภทตุ๋น ต้มหรือนึ่ง เป็นต้น
  1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน เพราะการที่นอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้รู้สึกว่าหิวได้บ่อยกว่าปกติ ปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไปจึงมีปริมาณมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดน้ำหนักที่มากกว่าปกติได้

สำหรับใครที่อยากลดน้ำหนักด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง และสามารถทำได้จริงโดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ สามารถนำวิธีที่ได้แนะนำข้างต้นไปปฏิบัติตามกันได้ เพียงแต่ต้องมีวินัยในการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจนบรรลุถึงเป้าหมายหรือแพลนที่ได้กำหนดไว้ ถ้าทำได้บอกเลยว่ารูปร่างที่ดีและสมส่วนก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด

5 เคล็ดลับความงามสำหรับเจ้าสาวในวันแต่งงาน

5 เคล็ดลับความงามสำหรับเจ้าสาวในวันแต่งงาน

เคล็ดลับความงามที่จำเป็นสำหรับเจ้าสาวในวันแต่งงาน ตั้งแต่การแต่งหน้าไปจนถึงการดูแลผิวให้ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า การเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานโดยทั่วไปมีขั้นตอนมากมาย เราจะพูดถึง 5 ขั้นตอนสำคัญที่ทำให้คุณสวยมั่นใจและดูดีในฐานะนางเอกของงาน แม้ว่าเจ้าสาวส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่ชุดเจ้าสาว สไตล์ทรงผมและการแต่งหน้าเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วควรดูแลครอบคลุมตั้งแต่เล็บไปจนถึงการดูแลผิวเพื่อให้แน่ใจว่าคุณดูดีและรู้สึกดีที่สุดระหว่างเดินเคียงคู่กับเจ้าบ่าว 

1.เคล็ดลับการดูแลผิว

เจ้าสาวควรดูแลผิวหน้าผิวกายให้สวยใส คิดว่าผิวเป็นเหมือนผืนผ้าใบเปล่า ดังนั้น ก่อนวันแต่งงานต้องเตรียมการดูแลผิวให้แน่ใจว่าใบหน้าสะอาด เน้นความชุ่มชื้นยังเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้ผิวอ่อนนุ่ม ผิวเรียบเกลี้ยงเกลา และใช้ครีมกันแดดด้วย เพื่อความโดดเด่นแต่งหน้าสวย ๆ ในวันสำคัญ ไม่ใช่ผิวเป็นสิวและไม่เรียบจนต้องโบกแป้งหนา ๆ หนัก ๆ 

2.เคล็ดลับการแต่งหน้า

ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าไม่ได้มีคุณสมบัติเหมือนกันทั้งหมด ควรเลือกเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ ส่วนผสมบางอย่าง เช่น กรดไฮยาลูรินิกและเซราไมด์เก็บรักษาน้ำในผิว สำหรับผิวแห้งและผิวที่ขาดความชุ่มชื้น สำหรับเจ้าสาวที่มีผิวแห้งต้องใช้ไพรเมอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ทำให้ใบหน้าเป็นขุย ส่วนเจ้าสาวที่มีผิวมันควรหาเครื่องสำอางที่เข้ากับผิวมันโดยเฉพาะ เช่น ใช้เซรั่มเคลือบผิวหรือไพรเมอร์ต่อต้านความมันเพื่อให้แน่ใจว่าผิวกระจ่างใสและปราศจากความมันตลอดวัน 

3.เคล็ดลับการดูแลเส้นผม

เมื่อต้องเตรียมทรงผมสำหรับวันแต่งงาน อย่าทำสีหรือตัดผมเปลี่ยนทรงกะทันหัน เพราะผลลัพธ์ในวันแต่งงานอาจแตกต่างจากที่คุณต้องการในตอนแรก หากคุณต้องเปลี่ยนทรงผมควรแจ้งให้ช่างทำผมทราบและเตรียมตัวล่วงหน้าก่อน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง ใช้มาสก์ผมและครีมนวดผมอย่างล้ำลึกเป็นประจำเพื่อบำรุงเส้นผมแข็งแรงและเงางาม มีความชุ่มชื้นและสะอาดอยู่เสมอ 

4.เคล็ดลับการดูแลเล็บ

เจ้าสาวส่วนใหญ่มีนัดทำเล็บก่อนวันแต่งงาน แต่หลายคนมักจะลืมขั้นตอนแรกที่สำคัญนั่นคือควรทดลองทำเล็บก่อนเพื่อจะได้รู้สีและความยาวเล็บที่ต้องการจริง ๆ อย่าลืมทาครีมบำรุงผิวมือทุกวันอย่างน้อย 6 เดือนก่อนแต่งงาน ไม่ควรใช้มือทำอะไรรุนแรงเพื่อไม่ให้เล็บแตก หัก หรือหนังกำพร้าแห้ง

5.เคล็ดลับการแต่งหน้า

ในวันแต่งงานจริง ๆ เจ้าสาวส่วนใหญ่ใช้ทริคการแต่งหน้าง่าย ๆ ไม่กี่ข้อ เช่น ทารองพื้นให้ผิวเปล่งประกาย แต่ไม่แวววาวเกินไป สำหรับการถ่ายภาพให้ใช้ไฮไลต์ที่โหนกแก้ม สันจมูก และปลายจมูก หลีกเลี่ยงการใช้ไฮไลต์บนหน้าผากทำให้ดูมันเยิ้มในภาพถ่าย เลือกแป้งโปร่งแสงที่สว่างกว่าสีผิว ใช้แปรงขนนุ่มปัดขอบคิ้วดูเป็นธรรมชาติ สุดท้ายสำหรับการทาลิปสติกใช้ดินสอเขียนขอบปากทั่วริมฝีปากให้ใกล้เคียงกับสีธรรมชาติ

วิธีดีที่สุดควรเริ่มขั้นตอนการดูแลผิวเป็นประจำและทำฟันขาวอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีก่อนการแต่งงาน ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ โซดา หรือแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์ พบแพทย์ผิวหนังหากมีสิวหรือโรคผิวหนังอื่น ๆ หากเจ้าสาวสนใจฉีดหรือลอกผิวด้วยสารเคมีควรทำก่อนวันแต่งงานนานกว่า 6 เดือนเผื่อว่าจะเกิดอาการแพ้โดยไม่คาดคิด

ปัญหาสิวและผิวมันฤดูร้อน ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ

ปัญหาสิวและผิวมันฤดูร้อน ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ

ผิวแห้ง ผิวมัน เป็นสิว ฝ้า กระ จะมีอะไรแย่ไปกว่าฤดูร้อน? เหงื่อออกหน้ามันเหนียวเหนอะหนะ ลบเลือนเครื่องสำอางและครีมกันแดดออกไปหมด เรารวมเคล็ดลับการดูแลผิวเพื่อจัดการความมัน สิว และรูขุมขน พร้อมกับการรักษาผิวให้สมดุล สดชื่นและเปล่งประกายมาฝากสาว ๆ กัน

1.ใช้กระดาษซับมัน

ความร้อนและความชื้นทำให้ผิวมันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว สิวผด และรูขุมขนกว้าง พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าและใช้กระดาษซับมันค่อยๆ แตะบนผิวหน้าแทน การล้างหน้าบ่อยเกินไปทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แนะนำให้เลือกใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนล้างหน้าวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอน เพื่อขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิว โดยเฉพาะจุดที่มันเยิ้มที่สุดคือบริเวณทีโซน ถ้าล้างหน้าบ่อยเกินจำเป็น ผิวจะสร้างน้ำมันมากขึ้นเพื่อคืนความชุ่มชื้น แทนที่จะควบคุมความมันกลับทำให้หน้ามันมากขึ้น

2.กินอาหารที่สมดุล 

อาหารที่สมดุลมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพผิว เลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลน้อย เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน  ถั่ว ผักและผลไม้ ช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้สมดุล ส่งผลให้สุขภาพผิวดีและผิวมันน้อยลง สิ่งสำคัญคือต้องดื่มน้ำมาก ๆ การขาดน้ำมักจะเป็นสาเหตุให้ผลิตน้ำมันมากเกินไป และทาครีมให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ

3.แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ

ความมันส่วนเกินทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย ดูหมองคล้ำ และอ่อนล้าไม่สดใส จัด รูขุมขนกว้างเป็นปัญหาจริงๆ แนะนำให้ใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดและกระชับรูขุมขนให้เล็กลง พร้อมขจัดความมันส่วนเกินออกจากใบหน้า ผิวกระชับตึงยิ่งขึ้น โทนเนอร์เป็นตัวช่วยที่ดีเหมาะสำหรับผิวสาวในวันที่มีแดดจัด 

4.สิวหัวดำและสิวหัวขาว

หน้ามันเกิดจากต่อมไขมันบนใบหน้าผลิตน้ำมันมากเกินไป กลายเป็นสิวอุดตันหัวดำ หรือสิวเสี้ยน หากเราดูแลตนเองอย่างถูกวิธีช่วยป้องกันโอกาสที่จะเกิดสิวหัวดำขึ้นซ้ำ ๆ โดยเฉพาะบริเวณแก้มและจมูก โดยเซลล์ผิวที่ตายแล้วมักจะไปอุดตันรูขุมขนทำให้เกิดสิวหัวขาวและสิวหัวดำอีกด้วย แนะนำให้สาวๆ ขัดผิวเป็นประจำสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ผสานกับขั้นตอนการดูแลผิวอย่างอ่อนโยนป้องกันการเกิดสิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและลดผิวมันด้วย

5.ทามอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา

สำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย เมื่อเข้าสู่หน้าร้อนควรเปลี่ยนไปใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวที่เหมาะสม แต่อย่าใช้มากเกินไปหลีกเลี่ยงไม่ให้ใบหน้ามันเยิ้มในช่วงกลางวันและช่วยป้องกันการเกิดสิวได้

6.ทาครีมกันแดด

ช่วงเวลาที่มีแสงแดดจ้า แนะนำให้สวมแว่นกันแดดและหมวกปีกกว้าง ทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตราย ให้ครีมกันแดดถือเป็นส่วนสำคัญของขั้นตอนการดูแลผิว หากต้องออกแดดทั้งวันควรทาครีมกันแดดซ้ำอย่างน้อยทุก ๆ 2 ชั่วโมง

ในฤดูร้อนผิวสาวต้องเผชิญกับแสงแดด มลภาวะ และระดับรังสียูวีที่สูงขึ้น เป็นสาเหตุให้ผิวเหนื่อยล้า ผิวหมองคล้ำ และเกิดสิวซ้ำซาก ขั้นตอนการดูแลผิวอย่างเหมาะสมไม่ยากอย่างที่คิด ปัจจุบันมีตัวช่วยดี ๆ เยอะ เราแนะนำให้เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยจึงจะดีที่สุด

สูตร ความงาม ด้วยวิธีธรรมชาติ ฉบับสาวพันปี

สูตร ความงาม ด้วยวิธีธรรมชาติ ฉบับสาวพันปี

ความงาม จะเกิดขึ้นได้บางคนแทบไม่ต้องบำรุงอะไรเลย เพราะเกิดมามีต้นทุนผิวที่ดีจนแทบไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมบำรุง แต่ใช่ว่าความงามเหล่านั้นจะอยู่กับคุณไปตลอดกาล ยังมีเคล็ดลับหน้าใสดูอ่อนเยาว์อีกมากมาย วันนี้เราจึงนำ 6 วิธีการดูแลผิวง่าย ๆ มาฝาก เป็นรูปแบบธรรมชาติ ไม่ต้องลงทุนเยอะ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมเท่านั้น ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง

1.ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร หรือวันละ 8-12 แก้วต่อวัน จะทำมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่น อิ่มน้ำ พร้อมกับมีออร่าความกระจ่างใสและหากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะทำให้สุขภาพผิวดีขึ้น ขาวใสกว่าที่เคยเป็นอีกด้วย ต้องบอกเลยว่านี่ไม่ใช่คำพูดสวยหรู แต่หากทำได้จริง คุณจะมีผิวที่แลดูอ่อนเยาว์สวยราวกับสาวพันปีเลยล่ะ

2.พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อผิวที่สดใส การนอนถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรละเลย เพราะในระหว่างที่คุณกำลังนอนนั้นผิวและร่างกายภายในกำลังซ่อมแซมตัวเอง ฉะนั้นไม่ควรนอนดึก นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำดีที่สุด

3.เพื่อสุขภาพผิวที่ดีควรเน้นกินผัก ผลไม้ เพราะมีประโยชน์และสารอาหารมากมาย หากทานได้ประจำส่งผลทำให้คุณมีผิวที่ดีขึ้น อย่างผลไม้เต็มไปด้วยวิตามินที่ดีต่อผิว ทั้งวิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 

4.สกินแคร์ตัวช่วยที่ดี สิ่งนี้คนรักผิวแทบทุกคนมีประจำหน้ากระจก เพราะในผลิตภัณฑ์บำรุงมีสารสกัดที่ดีต่อผิวมากมาย ยิ่งเป็นเซรั่มที่มีความเข้มข้นสูงจะทำให้ผิวของคุณฟื้นตัวไวและหากเริ่มมีริ้วรอยการใช้สกินแคร์จะช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดีเดียว 

5.หน้าต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี แม้ว่าคุณจะบำรุงหน้ามาดีแค่ไหนหรือจะทานสารอาหารอย่างครบถ้วนมาแล้วก็ตาม เรื่องความสะอาดบนใบหน้าก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะใบหน้าต้องสู้กับฝุ่น ควัน มลพิษมากมาย ฉะนั้นเพื่อเป็นการชะล้างผิวให้พร้อมต่อการบำรุง การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีมีความจำเป็นอย่างมาก 

6.ทุกครั้งก่อนแต่งหน้าอย่าลืมทาครีมกันแดด หากคุณยังอยู่ในเมืองไทยก็คงหนีไม่พ้นเรื่องแสงแดดที่ร้อนจัด แม้จะเป็นฤดูหนาวแสงแดดก็ยังตามมารังควานคุณไม่เลิก ฉะนั้นเพื่อให้ผิวของคุณยังสวย สว่างกระจ่างใสควรทาครีมกันแดดเสมอ 

เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการดูแลผิวและความงามของสาวพันปี แต่ละข้อนำไปทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ หากอยากสวยแบบที่กาลเวลาไม่สามารถทำร้ายคุณได้ จะต้องลองทำทุกข้ออย่างเป็นประจำจะทำให้คุณสวยสมหวังแน่นอน

โทนเนอร์จำเป็นสำหรับการดูแลผิวจริงเหรอ

โทนเนอร์จำเป็นสำหรับการดูแลผิวจริงเหรอ

โทนเนอร์สำหรับผิว คืออะไร และทำหน้าที่อะไรกันแน่ หลาย ๆ คนก็ยังคงมีข้อสงสัยกันอยู่ว่า จริง ๆ แล้วในขั้นตอนการดูแลและผิวระหว่างวันนั้น จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์หรือเปล่า เพียงแค่ล้างหน้าแล้วตามด้วย เซรั่มหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า คุณอาจจะยังไม่เข้าใจประโยชน์ของโทนเนอร์อย่างแท้จริง 

โทนเนอร์จำเป็นสำหรับขั้นตอนการดูแลผิวประจำวัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โทนเนอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทมัลติฟังก์ชั่น ที่มีประโยชน์มากกว่าแค่ช่วยเช็ดทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกหลังการล้างหน้า เพราะหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ผิวของเราจะมีสภาพเป็นด่างอ่อน ๆ อันเนื่องมาจากโดยปกติผลิตภัณฑ์ล้างหน้าจะเป็นสารประเภทอัลคาไลน์หรือเป็นด่าง ดังนั้นหากคุณทาเซรั่มหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ในตอนนี้ สภาพความเป็นด่างบนผิวหน้า จะทำปฏิกิริยากับตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งจะลดประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลง รวมทั้งทำให้เกิดการยับยั้งการซึมผ่านของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ลงไปใต้ชั้นผิวอีกด้วย 

ดังนั้นโทนเนอร์จึงเข้ามาช่วยเตรียมผิวสำหรับขั้นตอนนี้ โดยโทนเนอร์จะช่วยปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างของผิวให้เป็นกลาง ดังนั้นเมื่อคุณทาเซรั่ม หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหลังการใช้โทนเนอร์ ย่อมจะทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเหล่านี้ สามารถซึมซาบลงไปใต้ชั้นผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดผลลัพธ์ในการช่วยฟื้นบำรุงผิวหน้าได้ดีกว่า

เราควรใช้โทนเนอร์อย่างไร

วิธีการใช้โทนเนอร์นั้นง่ายมาก ๆ เพียงแค่คุณเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ หลังจากการล้างหน้า ก็ให้คุณใช้โทนเนอร์ก่อนเซรั่มหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ คุณอาจจะใช้วิธีหยดลงบนแผ่นสำลีจากนั้นซับเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ หรือจะหยดโทนเนอร์ใส่ที่นิ้วมือของคุณโดยตรง แล้วกดซับเบา ๆ ลงบนใบหน้าก็ได้เช่นกัน แถมยังช่วยประหยัดผลิตภัณฑ์ได้ดีอีกด้วย และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณควรใช้โทนเนอร์ทั้งในตอนเช้าและตอนกลางเย็น ในทุก ๆ วัน แต่การใช้โทนเนอร์หยดลงบนสำลีนั้น จะมีข้อได้เปรียบก็คือ โทนเนอร์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกรวมทั้งผิวหนังที่ตายแล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่สามารถเข้าถึงได้ ให้ออกมาพร้อมกับแผ่นสำลีได้อีกด้วย ดังนั้นเคล็ดลับของการทำความสะอาดที่หมดจดที่แท้จริงนั้น โทนเนอร์จึงมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ดังนั้นเพียงแค่เพิ่มขั้นตอนการใช้โทนเนอร์ลงไปในกิจวัตรการบำรุงผิวประจำวันของคุณ ซึ่งก็ใช้เวลาอีกเพียงแค่เล็กน้อย คุณก็จะได้ผลลัพธ์ของการบำรุงผิวที่เปี่ยมประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน และเราขอรับรองว่าโทนเนอร์นั้นจำเป็นจริง ๆ

มะกรูด

แนะนำประโยชน์จาก 5 สมุนไพร เพื่อความงามที่สายบิวตี้ต้องชอบ

หากพูดถึงสมุนไพรไทย เชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกถึงนานาประโยชน์ โดยเฉพาะประโยชน์ด้านสุขภาพ แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากสมุนไพรจะขึ้นชื่อเรื่องประโยชน์ต่อร่างกายแล้วยังมากด้วยประโยชน์ด้านความงาม จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามหลายยี่ห้อเลือกนำสมุนไพรไทยมาเป็นส่วนประกอบในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม เนรมิตความสวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

แนะนำ 5 สมุนไพร ที่สายบิวตี้ต้องชอบ

  1. ว่านหางจระเข้ : หากพูดถึงสมุนไพรที่ถูกนำมาผลิตเป็นผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ชื่อที่มักได้ยินบ่อย ๆ นั่นคือ ว่านหางจระเข้ เพราะมาพร้อมคุณประโยชน์มากมาย มีคุณสมบัติช่วยสมานแผลทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น ลดอาการผิวไหม้ มอบความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย หรือหากนำวุ้นว่านหางจระเข้มาปั่นและชโลมทั่วเส้นผมและหนังศีรษะยังช่วยขจัดรังแคและทำให้เส้นผมเงางาม
  2. ใบบัวบก : สายบิวตี้หลายคนอาจคุ้นเคยว่าน้ำใบบัวบกลดอาการฟกช้ำ แต่ทราบหรือไม่ว่าใบบัวบกยังถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้านความงามได้ด้วย เพราะมีส่วนช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนบนผิวหนัง ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย หรือบางคนอาจนำน้ำใบบัวบกมาหมักผม ช่วยลดผมหงอก เส้นผมดกดำและเงางาม
  3. มะกรูด : สมุนไพรขึ้นชื่อด้านการช่วยลดอาการคันหนังศีรษะและบำรุงผมให้เงางามดูสุขภาพดี เพราะมะกรูดอุดมด้วยวิตามินเอ อีกทั้งยังมีวิตามินซีและกรดอ่อน ๆ จากธรรมชาติจึงสามารถนำมาผสมน้ำเปล่าและปั่นรวมกับไข่ขาวเพื่อนำมาพอกหน้า ลดความมัน เนรมิตผิวกระจ่างใส
  4. ขมิ้น : นับเป็นสมุนไพรที่โดดเด่นเรื่องความสวยความงามไม่แพ้สมุนไพรประเภทอื่น ๆ จึงมักถูกนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดผดผื่นคัน ฆ่าเชื้อราบางชนิดบนผิวหนัง เมื่อนำมาขัดผิวจะทำให้ผิวเรียบเนียน ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ที่สำคัญมาพร้อมราคาประหยัด เสกผิวสวยเนียนใสได้โดยไม่เปลืองงบประมาณในกระเป๋า
  5. สะเดา : สะเดาไม่ได้เป็นเพียงสมุนไพรที่นิยมนำมาทำอาหารเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วยังมากด้วยประโยชน์ด้านความงาม สามารถนำมาปรนนิบัติความสวยได้ทั้งเส้นผมและผิวกาย สำหรับเส้นผมสามารถนำใบสะเดามาต้มและหมักเพื่อลดอาการคันและรังแค สำหรับผิวกายมักถูกนำมาผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดรอยแดงและการเกิดสิว

ใครเป็นสายบิวตี้ที่ต้องการดูแลความงามแบบประหยัด อย่าลืมเลือกใช้สมุนไพรไทยเป็นตัวช่วยปรนนิบัติความงาม ซึ่งสมุนไพรแต่ละประเภทมาพร้อมจุดเด่นแตกต่างกัน แต่หากไม่สะดวกหรือยุ่งยาก ปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์เพื่อความงามหลายยี่ห้อที่เลือกสมุนไพรเหล่านี้มาเป็นส่วนประกอบในการผลิต ช่วยให้คุณดูแลความงามแบบศีรษะจรดปลายเท้าได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น

เริ่มต้นดูแลผิวหน้าให้อ่อนวัยใช้งบไม่เยอะต้องซื้ออะไรบ้าง

เริ่มต้นดูแลผิวหน้าให้อ่อนวัยใช้งบไม่เยอะต้องซื้ออะไรบ้าง

ใครที่อยู่ในช่วงวัย 25 ขึ้นไป และกำลังพบกับปัญหาผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ริ้วรอย ผิวแห้งกร้าน เพราะไม่เคยดูแลผิวและอยากหันมาเริ่มต้นดูแลผิวหน้าให้อ่อนวัยแบบง่าย ๆ ในงบประมาณที่จำกัด ขั้นตอนในการดูแลผิว ซึ่งไอเทมต่อไปนี้ช่วยคุณได้!

1.เลิกล้างหน้าด้วยสบู่ ใครที่กำลังล้างหน้าด้วยสบู่ควรหยุดแล้วเปลี่ยนมาใช้โฟม หรือเจลล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง เพราะสบู่อาบน้ำมีความเป็นกรด – ด่างสูง จึงทำให้ผิวหน้าแห้งตึง เป็นขุย และก่อให้เกิดริ้วรอยก่อวัยได้ สำหรับผู้ที่อยากเริ่มดูแลผิวควรเริ่มจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีค่า pH (ความเป็นกรด – ด่าง) ที่เหมาะสมอย่าง Cetaphil Gentle Skin Cleanser For All Skin Types เหมาะกับทุกสภาพผิว มีความอ่อนโยนและช่วยเติมความชุ่มชื่นพร้อมปรับสมดุลให้ผิว ควรใช้ทำความสะอาดผิวหน้าเช้า – เย็น แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดซ้ำอีกครั้ง จากนั้นจึงซับผิวด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ จะช่วยฟื้นความชุ่มชื้นและลดอาการผิวแห้งตึง เป็นขุยได้ ปริมาณ 125 มล. ราคา 166 – 255 บาท (ใช้ได้นาน 2 – 3 เดือน)

2.ปรับสภาพผิวก่อนบำรุง เพื่อให้ผิวที่ขาดการบำรุงได้รับสารอาหารเต็มประสิทธิภาพควรใช้ Essence เพื่อปรับสภาพผิวและเพิ่มประสิทธิภาพครีมบำรุงอย่าง Za True White EX Essence Lotion N เนื้อเอสเซนต์บางเบา สบายผิว ไม่ทำให้ผิวหน้าเหนียวเหนอะหนะ ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ, รังสียูวีบี ลดเลือนกระ ฝ้า จุดด่างดำ และกักเก็บความชุ่มชื่นนาน 8 ชั่วโมง ปริมาณ 150 มล. ราคา 259 – 420 บาท (ใช้ได้นาน 2 – 3 เดือน)

3.ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า เพื่อให้การฟื้นฟูผิวและบำรุงผิวมีประสิทธิภาพควรปกป้องผิวตอนกลางวันด้วยครีมกันแดดเนื้อบางเบาอย่าง Banana Boat Aqua Daily Moisture UV Protection Sunscreen Lotion SPF50+ PA++++ ปริมาณ 50 มล. ราคา 129 – 390 บาท อ่อนโยนแต่ปกป้องได้ดีตลอดทั้งวัน ไม่ทำให้รู้สึกหนักหน้า เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ควรทาเป็นประจำทุกวันในปริมาณเท่ากับเหรียญ 5 บาท ให้ทั่วใบหน้าจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

4.ฟื้นฟูผิวพร้อมบำรุงอย่างล้ำลึกยามนอนหลับ Cute Press 8 Hr. Full Night Sleep Overnight Mask ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวให้กลับมากระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและอ่อนวัยระหว่างการนอนหลับ ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรที่ออกแบบมาเพื่อผิวขาดการบำรุงโดยเฉพาะ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว มาพร้อมกลิ่นหอมผ่อนคลายช่วยให้หลับลึกขึ้น ปริมาณ 20 กรัม ราคา 69 บาท

สำหรับผู้ที่ไม่เคยบำรุงผิว การเริ่มต้นดูแลผิวด้วย 4 ขั้นตอนข้างต้น ซึ่งเป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกวันและจะช่วยให้เห็นผลลัพท์ของผิวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด