ป้ายกำกับ: บำรุงผิว

เคล็ดลับการดูแลใบหน้า ให้สวยใส ไร้สิว

เคล็ดลับการดูแลใบหน้า ให้สวยใส ไร้สิว

การมีผิวหน้าสวยใส ไร้สิว เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา แต่การจะดูแลผิวให้สวยใสนั้น จำเป็นต้องอาศัยความใส่ใจและการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เคล็ดลับการดูแลใบหน้าให้สวยใส ไร้สิว มีดังนี้

1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด

การล้างหน้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำความสะอาดผิวหน้า แนะนำให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยใช้โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว และควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจด เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และความมันส่วนเกินบนใบหน้า ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว

2. ทาครีมบำรุงผิว

หลังจากล้างหน้าสะอาดแล้ว แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน และช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ แนะนำให้เลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส เช่น วิตามินซี เรตินอล อาร์บูติน เป็นต้น

3. ทาครีมกันแดด

แสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย กระ และฝ้า แนะนำให้ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบี โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ ขึ้นไป

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ กระจ่างใส และสุขภาพดี แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยบำรุงผิวให้สวยใสจากภายในสู่ภายนอก แนะนำให้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ผัก และผลไม้ต่างๆ

6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใส สุขภาพดี

7. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว

ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ และการนอนดึก

นอกจากเคล็ดลับการดูแลผิวหน้าข้างต้นแล้ว ยังสามารถเสริมการดูแลผิวด้วยการทำทรีตเมนต์จากคลินิกความงาม ซึ่งจะช่วยผลักวิตามินเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิวของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อเลือกวิธีการดูแลผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

เคล็ดลับการดูแลผิวของสาวๆ

เคล็ดลับการดูแลผิวของสาวๆ

มีกิจวัตรการดูแลผิวสำหรับเด็กผู้หญิงที่แตกต่างกันมากมาย แต่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดบางขั้นตอนได้แก่

1.คลีนซิ่ง นี่เป็นขั้นตอนแรกในการขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเครื่องสำอางออกจากผิว ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

2.การปรับสี การปรับสีช่วยปรับสมดุล pH ของผิว และขจัดสิ่งสกปรกหรือน้ำมันที่หลงเหลืออยู่ ใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์และไม่ระคายเคือง

3.ให้ความชุ่มชื้น นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวและสภาพอากาศของคุณ

4.ขัดผิว การขัดผิวช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเผยผิวที่กระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น ขัดผิวสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคุณ

5.การป้องกัน SPF นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ครีมกันแดดแบบสเปกตรัมกว้างที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าทุกวัน แม้ว่าจะมีเมฆมากก็ตาม

เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการดูแลผิวของสาวๆ มีดังนี้

-อ่อนโยนต่อผิวของคุณ หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

-ดื่มน้ำปริมาณมาก น้ำช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี

-กินอาหารเพื่อสุขภาพ การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพสามารถช่วยให้สุขภาพผิวโดยรวมของคุณดีขึ้นได้

-นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้น

หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับผิวของคุณ โปรดปรึกษาแพทย์ผิวหนัง พวกเขาสามารถช่วยคุณพัฒนากิจวัตรการดูแลผิวที่เหมาะกับคุณได้

ต่อไปนี้เป็นกิจวัตรการดูแลผิวที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผิวประเภทต่างๆ

1.ผิวมัน ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากน้ำมันและไม่ทำให้เกิดสิว ซึ่งหมายความว่าจะไม่อุดตันรูขุมขน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหรือปิโตรเลียมเจลลี่ คุณอาจต้องการใช้โทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน ให้ความชุ่มชื้นด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาที่ปราศจากน้ำมัน

2.ผิวแห้ง ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีส่วนผสมของสบู่และไม่ระคายเคือง มองหามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีกรดไฮยาลูโรนิกหรือกลีเซอรีนซึ่งเป็นสารฮิวเมกแทนท์ที่ช่วยดึงดูดน้ำเข้าสู่ผิว คุณอาจต้องการใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าเพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น

3.ผิวผสม ผิวประเภทนี้มีความมันในบางพื้นที่ เช่น บริเวณทีโซน และผิวแห้งในบริเวณอื่นๆ ใช้น้ำยาทำความสะอาดและมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวผสม คุณอาจต้องการใช้โทนเนอร์เพื่อช่วยปรับสมดุล pH ของผิว

4.ผิวแพ้ง่าย ผิวประเภทนี้ระคายเคืองได้ง่ายจากผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง ใช้น้ำยาทำความสะอาดและมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยนที่ปราศจากน้ำหอมและไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือน้ำมันหอมระเหย

ไม่ว่าสภาพผิวของคุณจะเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องหากิจวัตรการดูแลผิวที่เหมาะกับคุณและเพื่อให้สอดคล้องกับกิจวัตรของคุณ เพียงใส่ใจเพียงเล็กน้อย คุณก็จะมีผิวสวยสุขภาพดีได้ยาวนานหลายปี

5 เคล็ดลับความงามสำหรับเจ้าสาวในวันแต่งงาน

5 เคล็ดลับความงามสำหรับเจ้าสาวในวันแต่งงาน

เคล็ดลับความงามที่จำเป็นสำหรับเจ้าสาวในวันแต่งงาน ตั้งแต่การแต่งหน้าไปจนถึงการดูแลผิวให้ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า การเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานโดยทั่วไปมีขั้นตอนมากมาย เราจะพูดถึง 5 ขั้นตอนสำคัญที่ทำให้คุณสวยมั่นใจและดูดีในฐานะนางเอกของงาน แม้ว่าเจ้าสาวส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่ชุดเจ้าสาว สไตล์ทรงผมและการแต่งหน้าเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วควรดูแลครอบคลุมตั้งแต่เล็บไปจนถึงการดูแลผิวเพื่อให้แน่ใจว่าคุณดูดีและรู้สึกดีที่สุดระหว่างเดินเคียงคู่กับเจ้าบ่าว 

1.เคล็ดลับการดูแลผิว

เจ้าสาวควรดูแลผิวหน้าผิวกายให้สวยใส คิดว่าผิวเป็นเหมือนผืนผ้าใบเปล่า ดังนั้น ก่อนวันแต่งงานต้องเตรียมการดูแลผิวให้แน่ใจว่าใบหน้าสะอาด เน้นความชุ่มชื้นยังเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้ผิวอ่อนนุ่ม ผิวเรียบเกลี้ยงเกลา และใช้ครีมกันแดดด้วย เพื่อความโดดเด่นแต่งหน้าสวย ๆ ในวันสำคัญ ไม่ใช่ผิวเป็นสิวและไม่เรียบจนต้องโบกแป้งหนา ๆ หนัก ๆ 

2.เคล็ดลับการแต่งหน้า

ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าไม่ได้มีคุณสมบัติเหมือนกันทั้งหมด ควรเลือกเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ ส่วนผสมบางอย่าง เช่น กรดไฮยาลูรินิกและเซราไมด์เก็บรักษาน้ำในผิว สำหรับผิวแห้งและผิวที่ขาดความชุ่มชื้น สำหรับเจ้าสาวที่มีผิวแห้งต้องใช้ไพรเมอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ทำให้ใบหน้าเป็นขุย ส่วนเจ้าสาวที่มีผิวมันควรหาเครื่องสำอางที่เข้ากับผิวมันโดยเฉพาะ เช่น ใช้เซรั่มเคลือบผิวหรือไพรเมอร์ต่อต้านความมันเพื่อให้แน่ใจว่าผิวกระจ่างใสและปราศจากความมันตลอดวัน 

3.เคล็ดลับการดูแลเส้นผม

เมื่อต้องเตรียมทรงผมสำหรับวันแต่งงาน อย่าทำสีหรือตัดผมเปลี่ยนทรงกะทันหัน เพราะผลลัพธ์ในวันแต่งงานอาจแตกต่างจากที่คุณต้องการในตอนแรก หากคุณต้องเปลี่ยนทรงผมควรแจ้งให้ช่างทำผมทราบและเตรียมตัวล่วงหน้าก่อน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง ใช้มาสก์ผมและครีมนวดผมอย่างล้ำลึกเป็นประจำเพื่อบำรุงเส้นผมแข็งแรงและเงางาม มีความชุ่มชื้นและสะอาดอยู่เสมอ 

4.เคล็ดลับการดูแลเล็บ

เจ้าสาวส่วนใหญ่มีนัดทำเล็บก่อนวันแต่งงาน แต่หลายคนมักจะลืมขั้นตอนแรกที่สำคัญนั่นคือควรทดลองทำเล็บก่อนเพื่อจะได้รู้สีและความยาวเล็บที่ต้องการจริง ๆ อย่าลืมทาครีมบำรุงผิวมือทุกวันอย่างน้อย 6 เดือนก่อนแต่งงาน ไม่ควรใช้มือทำอะไรรุนแรงเพื่อไม่ให้เล็บแตก หัก หรือหนังกำพร้าแห้ง

5.เคล็ดลับการแต่งหน้า

ในวันแต่งงานจริง ๆ เจ้าสาวส่วนใหญ่ใช้ทริคการแต่งหน้าง่าย ๆ ไม่กี่ข้อ เช่น ทารองพื้นให้ผิวเปล่งประกาย แต่ไม่แวววาวเกินไป สำหรับการถ่ายภาพให้ใช้ไฮไลต์ที่โหนกแก้ม สันจมูก และปลายจมูก หลีกเลี่ยงการใช้ไฮไลต์บนหน้าผากทำให้ดูมันเยิ้มในภาพถ่าย เลือกแป้งโปร่งแสงที่สว่างกว่าสีผิว ใช้แปรงขนนุ่มปัดขอบคิ้วดูเป็นธรรมชาติ สุดท้ายสำหรับการทาลิปสติกใช้ดินสอเขียนขอบปากทั่วริมฝีปากให้ใกล้เคียงกับสีธรรมชาติ

วิธีดีที่สุดควรเริ่มขั้นตอนการดูแลผิวเป็นประจำและทำฟันขาวอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีก่อนการแต่งงาน ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ โซดา หรือแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์ พบแพทย์ผิวหนังหากมีสิวหรือโรคผิวหนังอื่น ๆ หากเจ้าสาวสนใจฉีดหรือลอกผิวด้วยสารเคมีควรทำก่อนวันแต่งงานนานกว่า 6 เดือนเผื่อว่าจะเกิดอาการแพ้โดยไม่คาดคิด

แนะทริคน่ารู้สำหรับแก้ใต้ตาคล้ำ ให้ดวงตาสดใสกว่าที่เคย

แนะทริคน่ารู้สำหรับแก้ใต้ตาคล้ำ ให้ดวงตาสดใสกว่าที่เคย

เคยไหมที่นอนดึกและพักผ่อนน้อย ขาดการดูแลผิวเป็นประจำจนใต้ดวงตาคล้ำ ดูไม่สดใส แก้มาหลากหลายวิธีก็ไม่หายสักที วันนี้จะมาแนะนำทริคในการแก้ใต้ตาคล้ำที่สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้จริง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีใต้ตากระจ่างใส และดูมีสุขภาพดี จะมีทริคอะไรที่น่าสนใจบ้างตามไปดูกันได้เลย

  • เริ่มต้นกันที่การบำรุงผิวบริเวณใต้ดวงตาดด้วยมาร์คที่เหมาะสำหรับผิวใต้ดวงตา ซึ่งจะเน้นในเรื่องของความชุ่มชื้นและความกระจ่างใส หรือจะเลือกเป็นผักและสมุนไพรบางชนิดที่มีคุณสมบัติที่ตรงตามต้องการ อย่างแตงกวา มะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ เป็นต้น โดยสามารถนำไปล้างแล้วฝานบาง ๆ มาวางบริเวณรอบดวงตา โดยวางทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ทำเป็นประจำทุกวันหรือสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวบริเวณรอบดวงตาก็จะดูชุ่มชื้นมากขึ้น
  • มาต่อกันด้วยการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าหากว่าต้องการลดความหมองคล้ำก็สามารถเลือกเป็นอายครีมที่มีส่วนผสมของไวเทนนิ่งที่ช่วยในเรื่องความขาวกระจ่างใส เมื่อมีการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสมผิวบริเวณรอบดวงตาก็จะดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
  • อีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีบริเวณใต้ตาคล้ำจากการที่หลอดเลือดบริเวณนั้นมีการขยายตัว แก้ได้เบื้องต้นง่าย ๆ คือการวางแผ่นเจลเย็นสำหรับรอบดวงตาเพื่อช่วยลดการขยายตัวของหลอดเลือด ให้ความรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลายบริเวณรอบดวงตา
  • อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยที่ในวันหนึ่ง ๆ นั้นควรนอนอย่างน้อยประมาณ 7-8 ชั่วโมง เพราะถ้าหากว่านอนไม่เพียงพอก็จะเกิดอาการใต้ตาหมองคล้ำได้ ดังจะสังเกตได้เวลาที่มีการพักผ่อนไม่เพียงพอดวงตาจะดูล้าและไม่สดใส หลายคนที่นอนดึกจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้มีการนอนเร็วขึ้น 
  • สำหรับใครที่มีอาการบวมร่วมกับมีความหมองคล้ำบริเวณรอบดวงตา อีกแนวทางหนึ่งที่ดีก็คือการใช้ถุงชามาประคบที่บริเวณใต้ดวงตานั่นเอง ข้อดีก็คือจะช่วยลดความหมองคล้ำและลดอาการบวมที่เป็นอยู่ให้ลดน้อยลง 

สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ คนไหนที่อยากมีดวงตาที่ดูสดใสอยู่เสมอสามารถเลือกแก้ปัญหาใต้ดวงตาคล้ำได้ด้วยตัวเอง ดังจะเห็นจากหลายวิธีข้างต้นที่นำมาบอกต่อนั้นล้วนแล้วแต่ไม่ต้องใช้งบประมาณสูง เพียงใช้ของง่าย ๆ รอบตัวที่อยู่ในชีวิตประจำวันมาช่วยในการแก้ปัญหาใต้ดวงตาคล้ำเสีย ช่วยเน้นการดูแลผิวบริเวณใต้ดวงตาอย่างอ่อนโยนเพื่อผลลัพธ์ที่ดี   

สูตร ความงาม ด้วยวิธีธรรมชาติ ฉบับสาวพันปี

สูตร ความงาม ด้วยวิธีธรรมชาติ ฉบับสาวพันปี

ความงาม จะเกิดขึ้นได้บางคนแทบไม่ต้องบำรุงอะไรเลย เพราะเกิดมามีต้นทุนผิวที่ดีจนแทบไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมบำรุง แต่ใช่ว่าความงามเหล่านั้นจะอยู่กับคุณไปตลอดกาล ยังมีเคล็ดลับหน้าใสดูอ่อนเยาว์อีกมากมาย วันนี้เราจึงนำ 6 วิธีการดูแลผิวง่าย ๆ มาฝาก เป็นรูปแบบธรรมชาติ ไม่ต้องลงทุนเยอะ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมเท่านั้น ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง

1.ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร หรือวันละ 8-12 แก้วต่อวัน จะทำมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่น อิ่มน้ำ พร้อมกับมีออร่าความกระจ่างใสและหากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะทำให้สุขภาพผิวดีขึ้น ขาวใสกว่าที่เคยเป็นอีกด้วย ต้องบอกเลยว่านี่ไม่ใช่คำพูดสวยหรู แต่หากทำได้จริง คุณจะมีผิวที่แลดูอ่อนเยาว์สวยราวกับสาวพันปีเลยล่ะ

2.พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อผิวที่สดใส การนอนถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรละเลย เพราะในระหว่างที่คุณกำลังนอนนั้นผิวและร่างกายภายในกำลังซ่อมแซมตัวเอง ฉะนั้นไม่ควรนอนดึก นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำดีที่สุด

3.เพื่อสุขภาพผิวที่ดีควรเน้นกินผัก ผลไม้ เพราะมีประโยชน์และสารอาหารมากมาย หากทานได้ประจำส่งผลทำให้คุณมีผิวที่ดีขึ้น อย่างผลไม้เต็มไปด้วยวิตามินที่ดีต่อผิว ทั้งวิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 

4.สกินแคร์ตัวช่วยที่ดี สิ่งนี้คนรักผิวแทบทุกคนมีประจำหน้ากระจก เพราะในผลิตภัณฑ์บำรุงมีสารสกัดที่ดีต่อผิวมากมาย ยิ่งเป็นเซรั่มที่มีความเข้มข้นสูงจะทำให้ผิวของคุณฟื้นตัวไวและหากเริ่มมีริ้วรอยการใช้สกินแคร์จะช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดีเดียว 

5.หน้าต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี แม้ว่าคุณจะบำรุงหน้ามาดีแค่ไหนหรือจะทานสารอาหารอย่างครบถ้วนมาแล้วก็ตาม เรื่องความสะอาดบนใบหน้าก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะใบหน้าต้องสู้กับฝุ่น ควัน มลพิษมากมาย ฉะนั้นเพื่อเป็นการชะล้างผิวให้พร้อมต่อการบำรุง การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีมีความจำเป็นอย่างมาก 

6.ทุกครั้งก่อนแต่งหน้าอย่าลืมทาครีมกันแดด หากคุณยังอยู่ในเมืองไทยก็คงหนีไม่พ้นเรื่องแสงแดดที่ร้อนจัด แม้จะเป็นฤดูหนาวแสงแดดก็ยังตามมารังควานคุณไม่เลิก ฉะนั้นเพื่อให้ผิวของคุณยังสวย สว่างกระจ่างใสควรทาครีมกันแดดเสมอ 

เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการดูแลผิวและความงามของสาวพันปี แต่ละข้อนำไปทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ หากอยากสวยแบบที่กาลเวลาไม่สามารถทำร้ายคุณได้ จะต้องลองทำทุกข้ออย่างเป็นประจำจะทำให้คุณสวยสมหวังแน่นอน

โทนเนอร์จำเป็นสำหรับการดูแลผิวจริงเหรอ

โทนเนอร์จำเป็นสำหรับการดูแลผิวจริงเหรอ

โทนเนอร์สำหรับผิว คืออะไร และทำหน้าที่อะไรกันแน่ หลาย ๆ คนก็ยังคงมีข้อสงสัยกันอยู่ว่า จริง ๆ แล้วในขั้นตอนการดูแลและผิวระหว่างวันนั้น จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์หรือเปล่า เพียงแค่ล้างหน้าแล้วตามด้วย เซรั่มหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า คุณอาจจะยังไม่เข้าใจประโยชน์ของโทนเนอร์อย่างแท้จริง 

โทนเนอร์จำเป็นสำหรับขั้นตอนการดูแลผิวประจำวัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โทนเนอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทมัลติฟังก์ชั่น ที่มีประโยชน์มากกว่าแค่ช่วยเช็ดทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกหลังการล้างหน้า เพราะหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ผิวของเราจะมีสภาพเป็นด่างอ่อน ๆ อันเนื่องมาจากโดยปกติผลิตภัณฑ์ล้างหน้าจะเป็นสารประเภทอัลคาไลน์หรือเป็นด่าง ดังนั้นหากคุณทาเซรั่มหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ในตอนนี้ สภาพความเป็นด่างบนผิวหน้า จะทำปฏิกิริยากับตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งจะลดประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลง รวมทั้งทำให้เกิดการยับยั้งการซึมผ่านของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ลงไปใต้ชั้นผิวอีกด้วย 

ดังนั้นโทนเนอร์จึงเข้ามาช่วยเตรียมผิวสำหรับขั้นตอนนี้ โดยโทนเนอร์จะช่วยปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างของผิวให้เป็นกลาง ดังนั้นเมื่อคุณทาเซรั่ม หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหลังการใช้โทนเนอร์ ย่อมจะทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเหล่านี้ สามารถซึมซาบลงไปใต้ชั้นผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดผลลัพธ์ในการช่วยฟื้นบำรุงผิวหน้าได้ดีกว่า

เราควรใช้โทนเนอร์อย่างไร

วิธีการใช้โทนเนอร์นั้นง่ายมาก ๆ เพียงแค่คุณเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ หลังจากการล้างหน้า ก็ให้คุณใช้โทนเนอร์ก่อนเซรั่มหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ คุณอาจจะใช้วิธีหยดลงบนแผ่นสำลีจากนั้นซับเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ หรือจะหยดโทนเนอร์ใส่ที่นิ้วมือของคุณโดยตรง แล้วกดซับเบา ๆ ลงบนใบหน้าก็ได้เช่นกัน แถมยังช่วยประหยัดผลิตภัณฑ์ได้ดีอีกด้วย และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณควรใช้โทนเนอร์ทั้งในตอนเช้าและตอนกลางเย็น ในทุก ๆ วัน แต่การใช้โทนเนอร์หยดลงบนสำลีนั้น จะมีข้อได้เปรียบก็คือ โทนเนอร์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกรวมทั้งผิวหนังที่ตายแล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่สามารถเข้าถึงได้ ให้ออกมาพร้อมกับแผ่นสำลีได้อีกด้วย ดังนั้นเคล็ดลับของการทำความสะอาดที่หมดจดที่แท้จริงนั้น โทนเนอร์จึงมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ดังนั้นเพียงแค่เพิ่มขั้นตอนการใช้โทนเนอร์ลงไปในกิจวัตรการบำรุงผิวประจำวันของคุณ ซึ่งก็ใช้เวลาอีกเพียงแค่เล็กน้อย คุณก็จะได้ผลลัพธ์ของการบำรุงผิวที่เปี่ยมประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน และเราขอรับรองว่าโทนเนอร์นั้นจำเป็นจริง ๆ

เคล็ดลับสร้างความงามให้กับผิว แบบไม่ต้องง้อเข็ม

การดูแลความสวยความงามเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในเรื่องผิวพรรณเนื่องจากเป็นด่านหน้าที่สะท้อนถึงจิตใจและร่างกายเจ้าของผิว หากเป็นในสมัยโบราณ ผิวพรรณในส่วนใบหน้าสามารถตรวจสุขภาพและโรคต่าง ๆ กับหมอจีนหรือซินแสจีน เช่น ผิวหมองคล้ำ ก็จะเกิดปัญหาในเรื่องระบบขับถ่าย การไหลเวียนของเลือด ต่อมหมวกไต ทำให้ความสวยความงามกับสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อกันและกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาบอกเคล็ดลับสร้างความงามให้กับผิวแบบไม่ต้องง้อเข็มให้กับคุณ ดังต่อไปนี้

ผิวสวยได้ด้วยวิธีเหล่านี้

เคล็ดลับที่ 1 ออกกำลังกาย

ผิวพรรณใบหน้าจะประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยเป็นจำนวนมากหรือล้าน ๆ เส้นเลยทีเดียว หากไขมันสูงขึ้น ก็จะทำให้น้ำตาลในร่างกายสูงขึ้นไปด้วย หลอดเลือดฝอยดังกล่าวก็จะตีบลง ส่งผลเสียต่อผิวหรือเหี่ยวย่น เนื่องจากไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง เพราะฉะนั้น ควรลดไขมันด้วยการออกกำลังกาย โดยเฉพาะตอนเช้าซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้พลังงานมาก

เคล็ดลับที่ 2 บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์

การบำรุงผิวผลิตภัณฑ์เป็นตัวช่วยเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี มอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรืออื่น ๆ ก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ เพราะผิวพรรณใบหน้าเต็มไปด้วยโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า คอลลาเจน นอกจากนี้อาจจะเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสาร UV ช่วยป้องกันผิวเสียหรือหมองคล้ำ และยังป้องกันเป็นโรคมะเร็งผิวหนังจากแสงแดดอีกด้วย

เคล็ดลับที่ 3 ทำความสะอาดผิวหน้า

คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผิวใบหน้าเป็นหลัก เนื่องจากผิวหน้าทำให้ผู้คนที่พบปะจะเห็นว่าเราสะอาด ดูแลตัวเองดี หรือมีความรับผิดชอบ ทำให้ผู้หญิงชื่นชอบการแต่งหน้าไปทำงานหรือเที่ยว เพื่อความดูดีมากขึ้น แต่หลังจากกลับบ้าน ควรทำความสะอาดใบหน้าทันที เพื่อชะล้างสิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีจากเครื่องสำอาง ฝุ่นควันบนท้องถนน ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งสกปรกอุดตันที่นำไปสู่การเป็นสิวได้

เคล็ดลับที่ 4 นอนหลับให้ลึก

การนอนหลับลึกเป็นการนอนหลับที่ส่งผลดีต่อร่างกาย จึงควรเข้านอนเวลา 4 ทุ่ม เนื่องจากกว่าจะหลับลึกได้ก็จะเป็นช่วง 5 ทุ่มหรือประมาณเที่ยงคืนเพราะจะทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมร่างกายและซ่อมแซมความแก่หรือผิวเหี่ยวย่น จนทำให้ผู้คนต่างประเทศนำไปฉีดโกรทฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกาย ยอมเสียเงินในราคาแพงเพื่อจะได้มีสุขภาพผิวที่ดี มีความหนุ่มหรือความสาวกว่าเดิม ในความเป็นจริงอาจไม่จำเป็นต้องฉีดก็ได้เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่สามารถหลั่งได้เองหากนอนหลับลึก ช่วงเที่ยงคืนถึงตี 1.30 นาที

ปัจจุบันมีคลินิกความสวยความงามมากมายเทียบเท่าร้านสะดวกซื้อ หากคุณต้องการใช้เข็ม ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ ควรเลือกสถาบันความงามที่ผ่านการรับรองหรือการควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังแต่ถ้าไม่อยากเสียค่าใช้จ่าย ก็ขอแนะนำ 4 เคล็ดลับสร้างความงามให้กับผิวแบบไม่ต้องง้อเข็มที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น

ผิวสวยได้ด้วยวิธีเหล่านี้

วิธีทาโลชั่นให้ผิวเนียนนุ่ม น่าสัมผัส

วิธีทาโลชั่นให้ผิวเนียนนุ่ม น่าสัมผัส

สาว ๆ คนไหนที่อยากมีผิวสวยสุขภาพดี เนียนนุ่มน่าสัมผัส ควรเลือกโลชั่นที่เหมาะกับผิวของเรา ก็จะทำให้ผิวเราดูสวยขึ้นมาทันที

1. ผลัดเซลล์ผิว

การผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป จะช่วยให้โลชั่นที่เราทาซึมซาบลงสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้าเราไม่ผลัดเซลล์ผิว โลชั่นก็จะไม่สามารถซึมลงผิวได้ ผิวจึงไม่ได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกและยังทำให้เปลืองโลชั่นอีกด้วย

2. ทาโลชั่นทีละตัว

สาว ๆ มักเข้าใจผิดว่ามไม่ว่าจะทาโลชั่นกี่ตัว ก็ต้องทาอยู่ดี จึงผสมโลชั่นแล้วทาทีเดียว ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผิด การทาโลชั่นที่ถูกต้องจะต้องทาทีละตัว เพราะคุณสมบัติของโลชั่นแตกต่างกัน เพื่อให้โลชั่นได้ประสิทธิภาพจึงควรทาทีละตัว โดยเว้นระยะเวลาประมาน 10-15 นาที

3. อาบน้ำเย็น

สำหรับสาว ๆ คนไหนที่ชอบอาบน้ำอุ่นเป็นชีวิตจิตใจ โปรดฟังทางนี้ การอาบน้ำอุ่นเป็นการเปิดรูขุมขนให้กว้าง ช่วยให้กำจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออกไปอย่างง่ายดาย แต่เมื่ออาบน้ำอุ่นแล้วควรปิดท้ายด้วยน้ำเย็น เพราะจะช่วยกระชับรูขุมขน และกักเก็บความชุ่มชื้นใต้ผิวหนังได้ดีอีกด้วย

4. ทาโลชั่นทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ

หลังจากการอาบน้ำเสร็จ ควรทาโลชั่นในทันที เพราะจะทำให้โลชั่นซึมลงสู่ผิวและมีประสิทธิภาพดี ในขณะที่ผิวกำลังหมาด ๆ สำหรับคนที่ชอบอาบน้ำอุ่น ยิ่งต้องทาโลชั่นบำรุงผิวให้มาก ๆ เพราะการอาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ จะทำให้ผิวแห้งกร้าน

5. บำรุงผิวด้วยโลขั่นก่อนนอน

การทาโลชั่นก่อนนอนจะช่วยฟื้นฟูบำรุงผิว ในขณะที่เรากำลังหลับทุกส่วนของร่างกายจะทำการซ่อมแซม ดังนั้นจึงควรบำรุงผิวก่อนนอน จำทำให้ผิวพรรณสวย เปล่งปลั่งไร้ริ้วรอย

วิธีทาโลชั่นให้ผิวเนียนนุ่ม

ดูแลความงามอย่างไร ให้ดูเยาว์วัยอยู่เสมอ

ดูแลความงามอย่างไร ให้ดูเยาว์วัยอยู่เสมอ

การแลดูอ่อนกว่าวัยเป็นยอดปรารถนาของผู้หญิงทุกยุคสมัย แม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยลดอายุของผิวพรรณและเส้นผมได้ แต่การยืดอายุของสิ่งที่ธรรมชาติให้มาก็ต้องมีการดูแลเป็นประจำด้วยเทคนิคดี ๆ ที่เรานำมาฝากในวันนี้

ความงามเบื้องหลังการแต่งหน้า

ความงามเบื้องหลังการแต่งหน้า

การแต่งหน้าให้แลดูอ่อนกว่าวัยทำได้ง่าย ๆ ด้วยการไม่ขีดเขียนลายเส้นที่ตาและปากให้เข้มจัดในเวลาเดียวกัน หากต้องการให้ดวงตาโดดเด่นสามารถใช้เทคนิค smoky eye และลดโทนสีปากให้เป็นสีนู้ดแทน แต่ถ้าต้องการให้ริมฝีปากสวยด้วย ลิปสติกสีแดงสดต้องใช้eye shadow สี นู้ด หรือ earthtone คู่กันแทน

ในการแต่งหน้า ต้องไม่ลืมว่าควรใช้นิ้วนางในการเกลี่ยครีมและคอนซีลเลอร์ เพื่อไม่ให้น้ำหนักมือมากเกินไปจนเป็นตัวสร้างริ้วรอย ในเมื่อผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องแต่งหน้าอย่างน้อยวันจันทร์ถึงศุกร์ การใช้เทคนิคนี้จะช่วยชะลอวัยได้มากทีเดียว และหากเป็นวันหยุดก็ควรพักหน้าจากเครื่องสำอางค์ไปเน้นหนักที่การบำรุงด้วยมาร์กที่เป็นสูตรฟื้นฟูผิวพรรณจะช่วยคืนความชุ่มชื้นและคงความงามให้อยู่ยาวนานขึ้นได้

ความงามเบื้องหลังเส้นผมสลวย

ความงามเบื้องหลังเส้นผมสลวย

การดูแลความงามจะต้องใส่ใจเรื่องของเส้นผมด้วย แม้ใบหน้าจะดูเด็กแต่เส้นผมที่หยาบกระด้าง แห้งแตกปลาย หรือมีผมขาวแซมจนทำให้ดูทรุดโทรมย่อมไม่ดีแน่ การรักษาความสะอาดของเส้นผมควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยน หากเป็นผู้ที่มีผมมัน ก็ไม่ควรใช้แชมพูสูตรขจัดความมันเป็นประจำ เพราะจะทำให้เส้นผมกระด้างจากการสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ และผู้ที่ทำสีผมก็จะมีปัญหาจำพวกเส้นผมแตกปลาย สีผมผิดเพี้ยนได้ด้วย

แนะนำว่าให้ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนสระได้ทุกวันเป็นประจำจะดีที่สุด ควบคุมกับการใช้ทรีตเมนต์หมักเส้นผมสัปดาห์ละหนึ่งถึงสองครั้ง ไม่ทำสีผมบ่อยเกินกว่าสองเดือนต่อครั้ง เพราะมีความเสี่ยงสูงที่เส้นผมจะหลุดร่วงง่าย รากผมอ่อนแอ และทำให้ผมหงอกก่อนวัย เนื่องจากถูกสารเคมีทำร้าย แต่หากมีปัญหาเรื่องสีผมไม่สม่ำเสมอ และต้องย้อมผมเป็นประจำควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น เฮนน่า หรืออัญชัน ที่มีหลายแบรนด์ได้นำมาเป็นวัตถุดิบหลักในการย้อมสี ทั้งไม่ทิ้งสารพิษทำลายหนังศีรษะและเส้นผมในระยะยาวด้วย

การให้ความสำคัญกับการชำระล้างสิ่งสกปรกตกค้างจากการแต่งหน้าและทำผมด้วย ผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติ และอ่อนโยนเหมาะกับสภาพของผิวและเส้นผม จึงมีความจำเป็นที่ ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสมอหากอยากคงความงามอ่อนกว่าวัยไว้ให้ยาวนานด้วย